ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

นับไปอีก 6 เดือนก็จะครบรอบปีงบประมาณ 2557 รอบที่ลูกจ้างชั่วคราวสายวิชาชีพกระทรวงสาธารณสุขนับหมื่นชีวิตมีความหวังที่จะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องของการบรรจุตำแหน่งที่เหลือแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะต้องรอการอนุมัติจากครม. ซึ่งตอนนี้มีสถานะเป็นเพียงครม.รักษาการที่ไม่สามารถพิจารณาอนุมัติอะไรได้ จนกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะชี้ออกมาว่าสามารถทำได้เมื่อนั้นแหละถึงจะทำได้ แต่ระหว่างที่เรื่องยังคาราคาซังก็ยังมีปัญหาตามมาตลอดในเรื่องของหลักเกณฑ์การบรรจุ

นางสาวศิริรัตน์ วงษ์บุดดา ประธานเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราว กระทรวงสาธารณสุข

ล่าสุด นางสาวศิริรัตน์ วงษ์บุดดา ประธานเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราว กระทรวงสาธารณสุข บอกว่าในเรื่องความเป็นธรรมนั้นต้องแยกออกเป็น 2 ส่วนคือ 1. ความเป็นธรรมระหว่างสายวิชาชีพที่ยังเห็นว่าไม่เป็นธรรมเท่าไหร่ เพราะสัดส่วนอัตราที่แบ่งมาให้กับวิชาชีพพยาบาลประมาณ 2,000-3,000 ตำแหน่ง หรือประมาณ 20-30 % เมื่อเทียบกับจำนวนพยาบาลลูกจ้างทั้งหมดกว่า 16,000 คน แล้วถือว่าน้อยมากๆ ทั้งๆ ที่เป็นวิชาชีพที่แต่ละหน่วยบริการต้องการมาก ซึ่งนอกจากสัดส่วนการบรรจุที่น้อยแล้ว ความล่าช้าและความไม่แน่นอนในการบรรจุเป็นข้าราชการเริ่มส่งผลกระทบให้เห็นแล้วคือ พยาบาลลาออกไปทำงานกับโรงพยาบาลเอกชนค่อนข้างมาก แต่ไม่แน่ใจว่ามากแค่ไหน 2. ความเป็นธรรมในสายงาน เรื่องการกระจายตำแหน่งโดยการเปรียบเทียบจำนวนคนเทียบกับพื้นที่การขาดแคลนแล้วกระจายตำแหน่งออกไป ส่วนตัวมองว่าสามารถยอมรับได้ คนทำงานต้องยอมรับว่าพื้นที่ไหนมีผู้ป่วยเยอะต้องการกำลังคนมากก็ต้องได้รับการจัดสรรตำแหน่งไปให้ก่อน ทุกอย่างจะทำให้ถูกใจทุกคนเป็นไปไม่ได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้จนต้องยกแกนนำระดับภูมิภาคไปขอคำตอบจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 2พ.ค. นี้คือเรื่องระยะเวลาที่จะได้รับการบรรจุ เพราะการบรรจุข้าราชการในรอบที่ 2-3 กำหนดไว้เมื่อเดือน ตุลาคม 2556 จนตอนนี้จะครบปีแล้วแต่ก็ยังนิ่งสนิท ทวงถามไปที่สำนักงานคณะกรรมการข้าพลเรือน (กพ.) ก็ได้รับคำตอบว่าทางกระทรวงไม่ยอมทำการบ้าน ไม่ยอมส่งเรื่องไปให้ พอถามกระทรวงก็บอกว่าส่งไปแล้ว เหมือนกับการโยนเรื่องกันไปมาโดยที่ไม่มีใครตอบทำถามเราได้เลย ที่สำคัญคือพบว่านักเรียนทุนใน 3 สายวิชาชีพคือ แพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร ซึ่งก็ต้องรออนุมัติจากครม.เช่นเดียวกัน แต่กลับมีการอบรม มีการปฐมนิเทศข้าราราชการใหม่ และเขียน กพ.7 รอ ซึ่งตรงนี้เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนที่ยังไม่ได้รับการบรรจุแต่ต้องมาเขียน กพ.7 รอ ได้นั้นหมายความว่าอย่างไร เรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขก็ต้องชี้แจงด้วยเช่นกัน

“ในส่วนของการเมืองเราเข้าใจ แต่เรื่องนี้ดำเนินการมาก่อนจะเกิดความวุ่นวายทางการเมือง ปัญหาติดขัดอยู่ที่ตรงไหน กระทรวง กพ. หรือ ครม. บอกเรามาเลยเราจะไปทวงถาม ตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือบอกความจริงเรามาว่ามันติดขัดตรงไหน จะให้เรารอไปถึงเมื่อไหร่ ให้รอถึงรัฐบาลใหม่เลยไหม ตอนนี้เราไม่รู้ว่าอำนาจในการบรรจุเรายังมีอยู่หรือเปล่า” นางสาวศิริรัตน์ กล่าว

ประธานเครือข่ายพยาบาลวิชาชีพลูกจ้างชั่วคราว ยังบอกด้วยว่า ระหว่างรอการบรรจุเป็นข้าราชการตัวเธอมีสถานะเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข (พกส.) ที่ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากการเป็นลูกจ้างชั่วคราว ระเบียบที่ออกมาเหมือนว่าจะได้รับอะไรๆ เพิ่มขึ้นนั้นเป็นเพียงการวาดฝัน ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเดือน 15,000 บาท บวกค่าประสบการณ์ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ตัวเองตอนนี้ยังได้อยู่แค่ 12,000-13,000 บาทเท่านั้น ได้เพิ่มมาจากเดิมเพียงไม่กี่ร้อยบาท เรื่องสิทธิในการกู้ยืม ตอนนี้ต่อให้ไปยื่นกู้ธนาคารสถานะตอนนี้ก็ยังเป็นลูกจ้างเหมือนเดิม ไม่ใช่ข้าราชการ ไม่ได้มีสิทธิที่เหนือกว่า

ด้าน นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องการอบรมข้าราชการใหม่นั้นน่าจะเกิดจากการความเข้าใจผิดมากกว่า เพราะแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร เป็นนักเรียนทุนรัฐบาล เมื่อจบมาก็ต้องใช้ทุนคืนรัฐบาล แต่จะมีตำแหน่งข้าราชการให้โดยอัตโนมัติ แต่ก็ต้องให้ครม.อนุมัติก่อนในทุกๆ ปี ซึ่งในปีนี้จะมีรอบการบรรจุหลังเดือนเม.ย. รวมอัตราทั้ง 3 สายวิชาชีพมีทั้งหมดประมาณ 2,900 คน และที่เห็นว่ามีการอบรมข้าราชการใหม่โดยที่ครม.ยังไม่ได้อนุมัตินั้นเป็นการอบรมล่วงหน้าก็เพราะต้องรายงานตัวไว้เป็นหลักฐาน และเพื่อเป็นการปฐมนิเทศข้าราชการไว้เพราะว่าจะมีการบรรจุย้อนหลังให้จนถึงเดือน เม.ย.นี้  พูดง่ายๆ คือการบรรจุเป็นข้าราชการในส่วนของนักเรียนทุนนั้นไม่เหมือนลูกจ้างชั่วคราวที่รอบรรจุเมื่อมีตำแหน่งงานมาให้ ตรงนี้ไม่ผูกพันกับรัฐบาล คิดว่าน้องๆน่าจะเข้าใจ 

อย่างไรก็ตามในส่วนของลูกจ้างชั่วคราวที่รอบรรจุเป็นข้าราชการรอบ 2-3 นั้นทางกระทรวงสาธารณสุขได้ทำเรื่องเสนอไปยังกพ.แล้วทางท่านปลัดก็เร่งรัดให้อยู่ ล่าสุดได้รับแจ้งจาก กพ.ว่ากำลังเร่งรัดเรื่องเพื่อเสนอเข้าคณะกรรมการปฏิรูปกำลังพลภาครัฐ (กพร.) เพื่อให้เสนอต่อ ครม. แต่เนื่องจากตอนนี้ครม.มีสถานะเพียงแค่รักษาการเท่านั้นจึงต้องปรึกษากกต.ว่าทำได้หรือไม่ ดังนั้นเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่กพ.ในฐานะเลขา กพร.

ส่วนข้อห่วงใยที่เกรงว่าหากประเทศยังเดินหน้าต่อไปโดยไร้รัฐบาลเรื่องการบรรจุเป็นข้าราชการก็จะถูกแช่แข็งไปด้วย อาจจะส่งผลให้แพทย์และบรรดานักเรียนทุนหลั่งไหลไปอยู่โรงพยาบาลเอกชนหลังจากใช้ทุนหมดแล้วนั้น ตรงนี้ก็คิดว่าน้องๆ เหล่านั้นเข้าใจดีถึงความล่าช้าที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่แน่นนอนคือการได้รับสิทธิบรรจุเป็นข้าราชการย้อนหลังให้ อย่างตอนนี้ก็มีสถานะเป็นทดลองเป็นข้าราชการโดยในส่วนของค่าตอบแทนก็จะยืมมาจากเงินบำรุงของโรงพยาบาลซึ่งใช้ไม่มากเท่าไหร่ ทุกหน่วยบริการมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายตรงนี้อยู่แล้ว

"ถึงแม้ว่าการเมืองยืดเยื้อ 3 สายงานที่ใช้ทุนหมดกับความไม่มั่นใจจะส่งผลให้ไปอยู่เอกชน คิดว่าเขาเข้าใจเพราะว่าไม่มีอะไรที่ลดลงเลย เพียงแต่เป็นเรื่องของผู้บริหารที่จะเอาเงินก้อนไหนไปจ่าย ข้าราชการก็ย้อนหลังให้ การรักษาเป็นสิทธิประกันสังคมสำรองจ่ายเก็บบิลไว้แล้วมาเบิกย้อนหลังให้ น้องๆ สายวิชาชีพอื่นก็อยากให้อดทนรอกันสักหน่อย" นพ.วชิระ กล่าว