ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปัญหารอยคล้ำใต้ตา เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย และมักจะเป็นมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ถึงแม้ว่ารอยคล้ำใต้ตาจะไม่ใช่ปัญหาสำคัญด้านสุขภาพ หรือเป็นโรคที่จำเป็นต้องรักษา แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาด้านความสวยงาม เนื่องจากการมีรอยคล้ำใต้ตาอาจทำให้ดูเศร้า เหนื่อย และดูอายุมากกว่าที่เป็นจริงได้ การเกิดรอยคล้ำใต้ตามีสาเหตุหลัก 3 ประการ คือ มีการสร้างเม็ดสีบริเวณผิวหนังใต้ตาเพิ่มขึ้น การมีผิวหนังบริเวณใต้ตาบาง และการเกิดเงาดำใต้ตาจากการมีผิวหนังใต้ตาหย่อน (ร่องน้ำตา) ซึ่งรอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากสาเหตุต่างกัน ก็จะมีวิธีการรักษาแตกต่างกันออกไปด้วย

รอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากการสร้างเม็ดสีบริเวณผิวหนังใต้ตาเพิ่มขึ้น มักพบในภาวะรอยดำที่เกิดตามหลังการอักเสบในผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่ผิวหนังเรื้อรัง (atopic dermatitis) หรือการแพ้จากการสัมผัสสารต่าง ๆ (allergic contact dermatitis) รอยคล้ำใต้ตาจากสาเหตุนี้มักมีสีออกเทา เมื่อเอามือรีดผิวหนังบริเวณนั้นรอยคล้ำก็จะไม่จางไป รอยคล้้ำใต้ตาจากสาเหตุนี้สามารถรักษาด้วยการใช้ครีมที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี เช่น ไฮโดรควิโนน Arbutin Licorice Kojic หรือครีมที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ หรือสามารถใช้เลเซอร์กำจัดเม็ดสีทำให้รอยคล้ำใต้ตาจางลงได้

รอยคล้ำใต้ตาที่เกิดจากการมีผิวหนังใต้ตาบาง หรืออาจมีชั้นไขมันใต้ผิวหนังบริเวณนั้นบางลงร่วมด้วย รอยดำใต้ตาจากสาเหตุนี้มักเกิดจากเส้นเลือดใต้ผิวหนัง รอยคล้ำใต้ตาจากสาเหตุนี้มักจะมีสีออกม่วง และเห็นชัดมากบริเวณด้านหัวตา โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือน รอยคล้ำใต้ตาจากสาเหตุนี้ไม่ตอบสนองต่อการทายา แต่จะตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยเลเซอร์กำจัดเส้นเลือด หรือการฉีดสารเติมเต็ม เพื่อทำให้ผิวหนังดูหนาขึ้นได้

รอยคล้ำใต้ตาจากการที่มีผิวหนังใต้ตาหย่อนคล้อย จนทำให้เกิดเงาดำใต้ตา มักเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น รอยดำใต้ตาจากสาเหตุนี้มักพบการมีรอยย่นรอบดวงตารอบด้วย ในรายที่เป็นมาก ๆ อาจมีถุงใต้ตาร่วมด้วยได้ การรักษารอยคล้ำใต้ตาจากวิธีนี้สามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น เลเซอร์ หรือคลื่นความถี่วิทยุที่มีผลทำให้ผิวหนังใต้ตากระชับขึ้น การฉีดสารเติมเต็มเพื่อทำให้ร่องน้ำตาตื้นขึ้น หรือในรายที่เป็นมาก ๆ หรือมีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

เนื่องจากรอยคล้ำใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ และแต่ละสาเหตุมีวิธีการรักษาแตกต่างกัน ผู้ที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตาที่ต้องการรักษา จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ทราบสาเหตุของการเกิดรอยคล้ำใต้ตาก่อน จะได้เลือกวิธีการรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป และเพื่อเป็นการส่งเสริมการประกอบวิชาชีพเวชกรรมทางด้านผิวหนังให้แพร่หลาย กว้างขวาง ถูกต้อง ตามหลักวิชาการ และให้การสนับสนุน ส่งเสริม การวิจัยและเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ทางสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย  จึงได้จัดกิจกรรมตอบคำถามด้านสุขภาพและผิวพรรณความงาม และโรคผิวหนังชนิดต่าง ๆ ให้กับประชาชนผู้สนใจทั่วไป โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย จะให้บริการตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาทางผิวหนัง ในระบบอีเมล์ แก่ประชาชนทุกท่าน ซึ่งสามารถส่งคำถามมาได้ที่อีเมล์  question@dst.or.th  หรือต้องการดูข้อมูลด้านผิวหนัง สามารถเข้ามาที่เว็บไซต์ www.dst.or.th

ผู้เขียน : รศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย