ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ ประกอบด้วย ชมรมแพทย์ชนบท, ชมรมเภสัชชนบท, กลุ่มศึกษาปัญหายา, กลุ่มคนรักหลักประกัน, เครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ, สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค, มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา และมูลนิธิเภสัชชนบท สุดทน จึงเตรียมยื่นหนังสือจี้ คสช.ปลดบอร์ดและ ผอ.องค์การเภสัช พรุ่งนี้ ฐานทำยาขาด-ไม่ผลิตยากำไรน้อย แถมส่อทุจริตการสร้างโรงงานใหม่ จนอาจไม่สามารถเปิดได้ทันในตุลาคมนี้ ขณะที่โรงงานเก่าก็ต้องปิดซ่อม

6 ก.ค. 57 นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ชมรมแพทย์ชนบท เปิดเผยว่า วันจันทร์นี้ เวลา 10 นาฬิกา 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพจะร่วมกันไปยื่นหนังสือต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้พิจารณาปลดคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม และผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เนื่องจากบริหารองค์การเภสัชกรรมจนเกิดวิกฤตด้านยา ทั้งนี้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขไม่สามารถเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ได้ เพราะเป็นกรรมการบอร์ดมาตลอด

“เดิมองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นรัฐวิสาหกิจที่สามารถทำตามบทบาทหน้าที่ในเรื่องการผลิต จัดหาและจำหน่ายยาให้แก่หน่วยงานสาธารณสุขโดยเฉพาะในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลอื่นๆ ได้ด้วยดี สามารถเพิ่มยอดจำหน่าย และทำกำไรส่งคลังได้ตามเป้าหมาย แต่คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด) ที่มี นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เป็นประธาน และนพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา เป็นผู้อำนวยการ อภ. มีพฤติการณ์ส่อว่าจะดำเนินการที่ทำให้ อภ. อ่อนแอ เพื่อประโยชน์ของธุรกิจยาข้ามชาติ, มุ่งหาประโยชน์จาก อภ. เพื่อไปแจกจ่ายแก่พวกพ้อง และบริหารองค์กรอย่างผิดหลักธรรมาภิบาล”                               

ทางด้าน ภญ.ศิริพร จิตรประสิทธิศิริ ชมรมเภสัชชนบท เปิดเผยว่า ขณะนี้ โรงพยาบาลในต่างจังหวัดจำนวนมากเผชิญภาวะยาขาด เนื่องจากองค์การเภสัชกรรมไม่สามารถส่งยาให้แก่ลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลของรัฐได้มากถึง 80 รายการ

“การที่ ผอ.และบอร์ดหวังที่จะแก้ปัญหาภาวะขาดทุนด้วยการสั่งงดผลิตยาจำเป็น เช่น ยาเบาหวาน ซึ่ง อภ. เป็นผู้ผลิตส่งให้ รพ. ต่างๆ ของรัฐราว 80% ของที่ใช้กับคนไข้ในประเทศด้วยเหตุเพราะเห็นว่า “กำไรน้อย” ทั้งๆ ที่ พันธกิจของ อภ.ต่อสังคมต้องไม่มุ่งเอากำไรมาก เพื่อให้ รพ.รัฐ ซึ่งใช้เงินภาษีของประชาชนมาซื้อยาอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อ อภ.ไม่ทำหน้าที่ตามพันธกิจขององค์กร ขณะนี้ผู้เดือดร้อนคือประชาชน”

นางสาวสุภัทรา นาคะผิว ตัวแทนกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า บอร์ด อภ.ชุดนี้ได้ไล่ผู้อำนวยการคนเก่าออกไป แต่การก่อสร้างโรงงานยาที่รังสิต และโรงงานวัคซีนที่ทับกวาง สระบุรี กลับดำเนินการอย่างล่าช้า และมีพฤติการณ์ส่อทุจริต

ทางด้านนายอภิวัฒน์ กวางแก้ว เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ระบุว่า เท่าที่ทราบมา อภ.ขาดส่งยาไปยังกองทุนยาต้านไวรัสกว่า 400 ล้านบาท แม้ขณะนี้ผู้ติดเชื้อจะยังไม่ได้รับผลกระทบเพราะ สปสช.ยังมีระบบสำรองยา แต่มีแนวโน้มว่า หากไม่มีการแก้ปัญหาวัตถุดิบยาเอดส์ ต่อไปคนไข้อาจขาดยา ซึ่งจะเกิดปัญหาร้ายแรงตามมา คือ ภาวะดื้อยา ทำให้คนไข้เสียชีวิต หรือต้องไปใช้สูตรยาราคาแพง สิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ

“น่าตกใจมากที่รู้ว่า นพ. สุวัช ผู้อำนวยการ อภ. เสนอตัดงบวิจัย 45 ล้าน เพื่อแก้ปัญหาขาดทุน ถือเป็นการแก้ปัญหาโดยไม่คำนึงถึงอนาคตของ อภ. ที่ต้องให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา ดังนั้น องค์การเภสัชกรรมต้องได้รับการปฏิรูปโดยเร็วที่สุดเพื่อให้องค์การเภสัชกรรมกลับมาเป็นกำลังหลักในการดูแลระบบสาธารณสุขของประเทศ”

นอกจากนี้ ในการร้องเรียนวันพรุ่งนี้ จะมีการนำเสนอเอกสารหลักฐานที่ชี้พฤติกรรมของ นพ. พิพัฒน์  ยิ่งเสรี ประธานบอร์ด ที่มีพฤติการณ์เบียดบังผลประโยชน์ของ อภ. โดยเป็นประธานบอร์ดคนเดียวที่บีบบังคับเอาเงินจากกองทุนดอกพิกุล ซึ่งเป็นกองทุนสวัสดิการของพนักงาน อภ. ไปใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ ตีกอล์ฟ เบิกค่าน้ำมันรถ และค่าโทรศัพท์