ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ออกโรงแจง “ระบบบัตรทอง” หลัง “บิ๊กตู่” ไม่เข้าใจหลักการระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข ยันต้องไม่แยกคนจนคนรวย ต้นเหตุทำสิทธิรักษาพยาบาลซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน กลายเป็นรักษาพยาบาลสงเคราะห์ พร้อมเสนอรวมกองทุนรักษาพยาบาลเป็นมาตรฐานเดียว เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบรักษาพยาบาลของประเทศ  

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 58 ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค – เมื่อเวลา 10:30 น. จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา โดยขอให้คนรวยเสียสละไม่ใช้สิทธิ 30 บาท รักษาทุกโรค เพื่อทำกุศลให้กับคนจน และให้สิทธินี้มีไว้เพื่อคนจนเท่านั้น ในวันนี้ (27 เม.ย.) กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เครือข่ายผู้ป่วยและภาคประชาชน ได้ร่วมกันแถลงข่าว “ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นสิทธิขั้นพันฐานของทุกคน” เพื่อชี้แจงหลักการการดำเนินนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ต้องเป็นของคนไทยทุกคน

นายจอน อึ้งภากรณ์ ที่ปรึกษากลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า ยอมรับว่าขณะนี้ยังมีคนจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจหลักการระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งแม้แต่ในกลุ่มผู้บริหารประเทศเอง ยังเป็นกลุ่มที่เข้าใจและไม่เข้าใจต่อหลักการระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้ สาเหตุหนึ่งอาจมาจากการรับรู้ข้อมูลที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และคิดว่าระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นระบบที่จะเป็นภาระงบประมาณประเทศ จึงเห็นควรจัดให้เป็นระบบรักษาพยาบาลเฉพาะคนจน และให้คนมีเงินเสียสละออกจากระบบ ซึ่งในข้อเท็จจริงหากนำคนเหล่านี้ออกเมื่อไหร่ จะส่งผลกระทบต่อระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศทันที คุณภาพการรักษาพยาบาลจะลดลง รวมถึงประสิทธิภาพการบริการ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะถือว่าเป็นการล้มระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องมีการอธิบายให้ผู้นำประเทศได้เข้าใจ

นายจอน กล่าวว่า หลักการสำคัญของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าคือการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจหลักการ ซ้ำยังมองว่าเป็นระบบสำหรับคนจนเท่านั้น ทั้งนี้อาจมาจากภาพรอคิวการรักษาที่ยาวและใช้เวลารอนาน ต่างจากการรับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน แต่ปัญหานี้กำลังถูกแก้ไขลงโดยการปรับระบบการรอคิว การขยายการให้บริการคลินิกชุมชนซึ่งต้องใช้เวลา อีกทั้งหากต้องการให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีประสิทธิภาพ จะต้องนำคนเข้าสู่ระบบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนมีเงิน หรือไม่มีเงิน ซึ่งที่ผ่านมาคนในวัยหนุ่มสาวเองคงยังไม่เห็นความสำคัญของระบบนี้ แต่หากเป็นผู้สูงอายุ และครอบครัวที่มีผู้ป่วยเรื้อรังจะเห็นคุณค่าของระบบนี้อย่างมาก

ทั้งนี้หลักการระบบหลักประกันสุขภาพถ้วหน้าคือต้องไม่ใช่ระบบสงเคราะห์ แต่เป็นระบบบริการรักษาพยาบาลของรัฐสำหรับคนทุกคนในสังคมที่เข้าถึงการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นหลักการที่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกใช้กันอยู่ ทั้งนี้ปัจจุบันงบเหมาจ่ายรายหัวอยู่ที่ประมาณ 3,000 บาท ครอบคลุมทุกโรค และดูแลประชากรกว่า 48 ล้านคน ซึ่งหากทำประกันสุขภาพเอกชนก็ยังไม่ครอบคลุมเท่า ทั้งยังมีการบริหารที่มีประสิทธิภาพมากหากเปรียบเทียบกับสวัสดิการข้าราชการที่ใช้งบมากกว่าถึง 5 เท่า หรือ 12,000 บาทต่อคน หากจะประหยัดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลของประเทศ ก็ควรจะที่จะรวมและบริหารเป็นกองทุนเดียว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลของประเทศ 

“หากมีการเปลี่ยนระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าแล้วทำให้กลายเป็นระบบสงเคราะห์ เชื่อว่าภาคประชาชนจะต่อสู้และไม่ยอม ซึ่งหากดูปรากฎการณ์ทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ทุกครั้งที่มีการดำเนินนโยบายที่ลดคุณภาพการรักษาในระบบหลักประกันสุขภาพ ประชาชนจะลุกขึ้นคัดค้านทันที เพราะประชาชนต่างเห็นคุณค่าของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ที่ปรึกษาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กล่าวและย้ำว่า การทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นระบบรักษาพยาบาลชั้นสอง ถือว่าเป็นการล้มระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งเมื่อไหร่นำคนมีเงินออกจากระบบ ระบบก็จะล้ม เพราะหลักการถูกต้องคือต้องนำคนมีเงินเข้ามา เพื่อเฉลี่ยการรักษาที่ต้องได้รับสิทธิการรักษาเท่าเทียมกัน

น.ส.บุญยืน ศิริธรรม อดีต สว.สมุทรสงคราม หนึ่งในกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า อยากทำความเข้าใจประชาชนและผู้มีอำนาจบริหารประเทศ อย่ามองว่าระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นนโยบายประชานิยม หรือของพรรคการเมืองใด แต่ระบบนี้เกิดจากปัญหาการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของประชาชนที่กระตุ้นให้หลายฝ่ายมาร่วมกัน จนทำให้เกิดระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าขึ้น

“ผู้บริหารไม่ใช่ฟังเพ็ดทูลจากหน่วยงานัฐ แต่ควรต้องดูผลจากการดำเนินระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ทำให้ทุกคนในประเทศเข้าไปใช้บริการรักษาพยาบาลได้บนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ซึ่งในระบบยังมีปัญหาอีกมาก ดังนั้นสิ่งที่ผู้นำประเทศต้องทำ คือต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ไม่ใช่มองเรื่องระบบหลักประกันสุขภาพถ้วหน้าเป็นภาระ แต่ต้องทำให้เป็นระบบที่เป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข ที่คนจนคนรวยมีสิทธิเท่ากันหมด และต้องลดความเหลื่อมล้ำการรักษาพยาบาลให้มีมาตรฐานเดียว เพราะยังมีบางกองทุนที่มีค่ารักษาพยาบาลเฉลี่ย 12,000 บาทต่อคน ขณะที่ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเฉลี่ยที่ 3,000 บาทเท่านั้น”

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ทำลายภาพลักษณ์ว่าการักษาแพงถึงจะดี เพราะที่ผ่านมาจากการบริหารระบบที่มีประสิทธิภภาพ ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษา แต่ยังทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง อย่างการผ่าตัดหัวใจ ซึ่งกรมบัญชีกลางแต่เดิมต้องจ่ายค่าเส้นเลือดเทียมให้กับข้าราชการที่ต้องผ่าตัดหัวใจถึง 80,000 บาทต่อเส้น ซึ่งกรมบัญชีกลางไม่เคยต่อรอง แต่พอมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าทำให้เกิดการต่อรองราคา โดยปัจจุบันราคาลดลงเหลือเพียง 12,000 บาทต่อเส้น ดังนั้นรัฐบาลต้องฉลาด ผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์ในการบริหาร เพื่อให้ระบบรักษาพยาบาลเข้าถึงประชาชนทุกคน และรัฐต้องทบทวนว่ารัฐบาลจะเป็นส่วนหนึ่งของการลดความเหลื่อมล้ำด้วยการรวมกองทุนเพื่อเฉลี่ยงบประมาณรักษาพยาบาลประเทศมีอยู่อย่างจำกัดให้เป็นธรรมกับคนทุกคนในประเทศหรือไม่

นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข โดยผู้ป่วยได้จ่ายภาษีเพื่อเป็นกองทุนหลักประกันสุขภาพก่อนที่จะป่วยแล้ว ดังนั้นเราไม่ได้ใช้บริการรักษาพยาบาลฟรี ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่าโรคเอชไอวีมีค่ายาที่แพงมาก แต่ด้วยระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้ที่มีการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีระบบต่อรองราคายา ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาที่จำเป็นได้ ทั้งส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจที่มีการบอกว่าเป็นระบบสุขภาพสำหรับคนจน เพราะเป็นการนำไปสู่การตีตราที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

นางสายชล ศรทัตต์ แกนนำเครือข่ายผู้ป่วยมะเร็ง กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีการจัดสรรงบเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาราคาแพงอย่างยามะเร็งได้ แม้จะไม่ทุกรายการ แต่ระบบนี้ก็ทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้และตายอย่างมีศักดิ์ศรี โดยระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านับเป็นแม่แบบให้กับระบบหลักประกันสุขภาพทุกระบบ ทำให้ทุกคนเข้าถึงการรักษาได้ 

นายธนพล ดอกแก้ว ประธานชมรมเพื่อนโรคไต กล่าวว่า หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าทำให้ผู้ป่วยโรคไตมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคไตอยู่ในสิทธิระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 50,000 ราย ทั้งผู้ป่วยล้างไตผ่านหน้าท้องและฟอกไตผ่านเครื่อง ซึ่งจากเดิมผู้ป่วยไตต้องเสียค่ารักษาเดือนละกว่า 6,000 บาทต่อสัปดาห์ ซึ่งหากไม่มีระบบนี้ผู้ป่วยจะเข้าไม่ถึงการรักษา หรืออาจต้องล้มละลายจาการรักษาได้

ด้าน น.ส.บุษยา คุณากรสวัสดิ์ ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในฐานะผู้บริหารประเทศควรมองการบริหารให้ครอบคลุม ซึ่งประเทศไทยมี 3 ระบบ โดยระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าใช้งบประมาณ 160,000 ล้านบาท ดูแลประชากร 48 ล้านคน แต่ระบบรักษาพยาบาลสวัสดิการข้าราชการใช้งบ 60,000 ล้านบาท ดูแลคนประมาณ 5 ล้านคน จะเห็นว่าแตกต่างกันมาก ขณะที่ระบบประกันสังคมเองก็ใช้งบมากกว่าระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ดังนั้นผู้บริหารประเทศจึงต้องมองอย่างครอบคลุมทุกระบบ ไม่ใช่แค่มองระบบหลักประกันสุขภาพระบบเดียว