ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2559 ประชาไทรายงานข่าวซึ่งเรียบเรียงมาจาก Trump Says He May Keep Parts of Obama Health Care Act By REED ABELSON, The New York Times, Nov 11, 2016 ว่า

หลังจากเคยหาเสียงเอาไว้ว่าจะล้มกฎหมายประกันสุขภาพ 'โอบามาแคร์' แต่ล่าสุดหลังการหารือ 'บารัก โอบามา' โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ปรับท่าทีต่อ 'โอบามาแคร์' โดยเขาระบุว่าจะรักษาข้อดีของกฎหมายที่ระบุให้บริษัทประกันยอมให้ผู้มีปัญหาสุขภาพสามารถทำประกันได้ รวมถึงให้สิทธิผู้ปกครองใช้ประกันสุขภาพคุ้มครองบุตรได้ถึงอายุ 26 ปี

ขณะที่ก่อนหน้านี้หลังทราบผลการเลือกตั้ง คนอเมริกันเป็นแสนรายรีบแห่ซื้อประกันสุขภาพ เพราะกลัวความเปลี่ยนแปลงนโยบายหลังยุคโอบามา

ภาพจาก www.vice.com

เพียงแค่ไม่กี่วันหลังการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยลั่นวาจาในหลายโอกาสว่าเขาจะแก้ไขกฎหมายประกันสุขภาพที่ผ่านในสมัยรัฐบาลโอบามา ล่าสุดทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่าเขาอาจจะรักษากฎหมายนี้เอาไว้

ในรายงานของนิวยอร์กไทม์ ที่อ้างคำให้สัมภาษณ์ในวอลสตรีทเจอนัล ทรัมป์ ได้กล่าวว่า เขาอยากจะรักษา 2 สิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดของกฎหมายที่ชื่อว่า กฎหมายปกป้องผู้ป่วยและการรักษาพยาบาลที่ไม่แพง (Patient Protection and Affordable Care Act) หรือที่เรียกว่า "โอบามาแคร์" ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ เดือนมีนาคมปี 2010 (พ.ศ.2553) ซึ่งมีผลทำให้บริษัทผู้ประกันภัยต้องรับทำประกันแก่ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว และทำให้ผู้ปกครองสามารถใช้สิทธิในประกันของตนคุ้มครองไปถึงบุตรจนถึงอายุ 26 ปี โดยทรัมป์กล่าวกับวอลสตรีเจอนัลว่า เขากำลังพิจารณาจุดยืนของเขาใหม่ หลังจากได้พบกับประธานาธิบดีบารัก โอบามาเมื่อวันพฤหัสบดีนี้

ความเห็นของทรัมป์แสดงให้เห็นท่าทียืดหยุ่นเกี่ยวกับกฎหมายและอนาคตของกฎหมายดังกล่าว ขณะที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (9 พ.ย.) มีชาวอเมริกันเป็นแสนคนเร่งซื้อประกันสุขภาพภายใต้กฎหมาย "โอบามาแคร์" โดยเป็นวันที่มียอดซื้อประกันสูงที่สุดของปีนี้ ในขณะที่มีประชาชนหลายล้านคนได้รับสิทธิประกันตนภายใต้กฎหมายฉบับนี้

นอกเหนือจากความเห็นของเขาแล้ว ในเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลการถ่ายโอนภารกิจประธานาธิบดีของทรัมป์ ก็มีการแก้ไขนโยบายด้านสุขภาพที่เปลี่ยนไปจากที่เขาเคยหาเสียงด้วย โดยมีการเพิ่มเติมสิ่งที่ใกล้เคียงกับแนวทางหลักของพรรครีพับลิกันมากขึ้น เช่น เลิกการอ้างถึงการควบคุมราคายาที่แพงขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์รณรงค์เรื่องพวกนี้มาหลายเดือน และเพิ่มข้อความใหม่เกี่ยวกับเรื่องทำให้การรักษาพยาบาลทันสมัยขึ้น โดยจะให้สภาคองเกรสออกมาตรการจ่ายคูปองให้คนก่อนที่จะไปซื้อประกันสุขภาพส่วนตัว

เบอร์นาร์ด เจ ไทสัน ผู้บริหารของ Kaiser Permanente หน่วยงานที่ดูแลเชิงระบบสุขภาพให้กับโรงพยาบาล แพทย์ และระบบประกันในรัฐแคลิฟอเนีย กล่าวว่า มีความกังวลว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ผ่านมาบริษัทประกันได้รับโทรศัพท์จากประชาชนที่กังวลว่าจะได้รับการคุ้มครองสิทธิหรือไม่

ชาวอเมริกันอย่าง เทียรี มาร์ส อายุ 61 ปี อาศัยในรัฐเซาท์แคโรไลนา ระบุว่าไม่ลังเลเลยที่จะรีบสมัครประกันสุขภาพช่วงนี้ "ประกันภัยเป็นสิ่งที่ควรจะติดตัว" ทั้งนี้มาร์สอยู่โดยไม่มีประกันสุขภาพมาเป็นเวลา 5 ปี ขณะที่มีอาการติดเชื้อรุนแรงด้วย เธอกล่าวว่า เพราะเธอเจ็บป่วยอยู่แล้ว หากไม่มีกฎหมายโอบามาแคร์ เธอก็จะไม่สามารถทำประกันสุขภาพได้ตามกฎหมาย "ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคงตายเป็นแน่"

ในทางกฎหมาย โดยปราศจากเสียงข้างมากหนาแน่นคือ 60 เสียงในวุฒิสภา พรรครีพับลิกันซึ่งหลังเลือกตั้งล่าสุดมีที่นั่งในวุฒิสภาที่ 54 ที่นั่งจากทั้งสภา 100 ที่นั่ง ก็คงแก้ไขกฎหมายโอบามาแคร์ทั้งฉบับไม่ได้แน่ แต่พวกเขาสามารถตัดทอนบทเฉพาะกาลได้หลายเรื่องผ่านขั้นตอนการออกกฎหมายงบประมาณ

ทั้งนี้ช่วงรัฐบาลโอบามา พรรครีพับลิกันคัดค้านกฎหมายประกันสุขภาพดังกล่าวโดยระบุว่าเพิ่มภาระให้ประชาชนและบริษัทเอกชน โดยเมื่อกฎหมายผ่านสภาคองเกรสในปี 2010 (พ.ศ.2553) ก็มีการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา จนในเดือนมิถุนายนปี 2012 (พ.ศ.2555) ศาลฎีกาประกาศว่ากฎหมายดังกล่าวไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ขณะที่เมื่อปีก่อน วุฒิสภาได้ผ่านกฎหมายด้านงบประมาณที่มีผลกระทบอย่างมากต่อกฎหมายประกันสุขภาพดังกล่าว แต่ประธานาธิบดีโอบามาใช้สิทธิยับยั้งกฎหมายดังกล่าว