ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข ส่งทีมเจ้าหน้าที่เยี่ยมบ้านดูแลจิตใจ ครอบครัวที่คลอดเด็กเสียชีวิตที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมอำนวยความสะดวกเรื่องการขอรับความช่วยเหลือเบื้องต้น ตามมาตรา 41 กฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ชี้เกิดจากภาวะสายสะดือย้อย เป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถคาดได้ว่าจะเกิดขึ้น รพ.ให้การดูแลเต็มที่ตามมาตรฐาน 

นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีการแชร์ข่าวทางโซเชียลเรื่อง รพ.ทำคลอดแล้วเด็กเสียชีวิต ที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ว่า ขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2560 ทีมเจ้าหน้าที่ รพ.ไทรโยคและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้ลงเยี่ยมบ้านตามแผนที่วางไว้ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับครอบครัวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้การดูแลด้านจิตใจ และมอบเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเบื้องต้น พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกเรื่องการขอรับความช่วยเหลือเบื้องต้น ตามมาตรา 41 พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 

ซึ่งหลังจากการพูดคุย ผู้ป่วยและครอบครัว เข้าใจถึงกระบวนการคลอด และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รพ.ไทรโยค พร้อมขอโทษที่ใจร้อนแชร์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโซเชียล ทั้งนี้ ได้ให้ทีมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี และ รพ.พหลพลพยุหเสนาดูแลสนับสนุนการพัฒนาระบบบริการ ด้านการดูแลแม่และเด็ก การคลอดของ รพ.ไทรโยคต่อไป

นพ.พิศิษฐ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่เกิดขึ้นทางการแพทย์เรียกว่า สายสะดือย้อย (Umbilical cord prolapse) ถือเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถคาดได้ว่าจะเกิดขึ้น มักพบในมารดาตั้งครรภ์หลังๆ หรือเด็กอยู่ในท่าก้น ท่าขวางหรือเฉียงๆ เมื่อถุงน้ำคร่ำแตกสายสะดือจึงไหลออกมาจากปากมดลูกและถูกกดทับ ทำให้เด็กทารกในครรภ์มีโอกาสเสียชีวิตสูง ซึ่งในผู้ป่วยรายนี้ เป็นครรภ์ที่ 5 มาคลอดที่ รพ.ไทรโยค วันที่ 6 มีนาคม 2560 เมื่อพยาบาลตรวจพบว่าปากมดลูกเปิดเต็มที่ มดลูกบีบรัดตัวถี่ ทำให้ถุงน้ำคร่ำแตก คลำพบว่ามีสายสะดือและมือทารก จึงตามแพทย์ตรวจพบว่าเด็กอยู่ในท่าเฉียง ศีรษะยังไม่ลงมาเต็มที่ มีภาวะสายสะดือย้อย ได้ให้การดูแลรักษาตามมาตรฐานการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ และส่งต่อไปยัง รพ.พหลพลพยุหเสนา เพื่อผ่าตัดคลอดเช้ามืดของวันที่ 7 มีนาคม 2560 โดย รพ.ไทรโยคติดตามสอบถามพบว่าทารกเสียชีวิต ได้ติดต่อกับผู้ป่วยทางโทรศัพท์เป็นระยะ เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือตามมาตรา 41 และวางแผนเยี่ยมบ้านในวันที่ 13 มี.ค.