ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“หมอปิยะสกล” ห่วงสุขภาพ “ตูน บอดี้สแลม” มอบการบ้าน ปลัด สธ.หาข้อมูลวิชาการ ประเมินการวิ่ง หวั่นกระทบสุขภาพ แนะทุกอย่างต้องทำให้พอดี ด้าน หมอเจษฎา หารือเวชศาสตร์การกีฬา โรงเรียนแพทย์ ติดตามการวิ่ง พร้อมหาวิธีประเมินสุขภาพที่เหมาะสม พร้อมระบุหลักการออกกำลังกายหนัก 1 วัน พัก 2 วัน ตูนวิ่ง 5 วัน พัก 1 วัน นับเป็นการออกกำลังกายหนักมาก

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการติดตามการวิ่งของ “ตูน บอดี้สแลม” ตามโครงการ "ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ" ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า ได้คุยกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขเมื่อเช้านี้ เพราะการวิ่งได้ผ่านมาหลายวันแล้วทุกคนต่างห่วงใย และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เองได้จัดทีมแพทย์เพื่อติดตามดูแล และยังได้ฝากการบ้านปลัด สธ.ด้วยว่า การวิ่งมาราธอนทุกวันในระยะทาง 40-50 กิโลเมตร ในช่วงระยะแรกร่างกายคงไหว แต่ต่อไปไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเราไม่อยากให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับคนดีๆ ดังนั้นจึงให้ปลัด สธ.หาข้อมูลด้านวิชาการว่าการวิ่งแบบนี้สัปดาห์แรกร่างกายจะเป็นอย่างไร สัปดาห์ต่อไปจะเป็นอย่างไร และหากยังคงวิ่งแบบนี้ไปต่อเนื่องผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งทุกอย่างคิดว่าต้องทำให้พอดี

นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้คุยกับสำนักออกกำลังกาย กรมอนามัยแล้ว หากถามว่าเคยมีคนวิ่งแบบนี้หรือไม่ คำตอบคือมี แต่ร่างกายต้องฟิตและแข็งแรงมาก แต่ด้วยระยะทางการวิ่งครั้งนี้ที่มากเป็นหลายพันกิโลเมตรนั้นยังไม่มีข้อมูล แต่ตามหลักการของการออกกำลังกาย หากมากเกินไปร่างกายจะมีการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ผังผืด หรือเส้นเอ็นได้ สิ่งเหล่านี้ต้องมีการประเมินเป็นระยะตลอดและต้องมีการพัก และตามหลักการหากออกกำลังกายอย่างหนัก 1 วัน ควรได้พัก 2 วัน แต่คุณตูนกำหนด 5 วัน พักเพียง 1 วันเท่านั้น นับเป็นการออกกำลังกายหนักมาก

ดังนั้นเราคงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยหารือร่วมกับเวชศาสตรการกีฬา โรงเรียนแพทย์ในการติดตามประเมินและเฝ้าระวังสุขภาพคุณตูน ซึ่งปกติในการประเมินสภาพร่างกายจะต้องมีการเจาะเลือดเพื่อดูความบอบช้ำของกล้ามเนื้อ แต่ยังไม่ได้ทำเพราะเกรงว่าจะเป็นการทำมากไป โดยคงต้องปรึกษาเพื่อหาวิธีพอเหมาะในการประเมิน และคงต้องขึ้นอยู่กับคุณตูนด้วย แต่เบื้องต้นจะต้องมีการประเมินสุขภาพทุกวัน เพราะเป็นระยะทางการวิ่งที่ไกลและนานมาก ซึ่งทุกวันนี้เรามีทีมแพทย์ที่คอยติดตามอยู่แล้ว ทั้งกระทรวงสาธารณสุขยังมีหน่วยบริการในทุกอำเภอและมีความพร้อมในการดูแล