ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เภสัชกร มหาวิทยาลัยมหิดล แนะ อย.ระงับเสนอร่าง พ.ร.บ.ยา เปิดโอกาสทุกภาคส่วนหารือ นำข้อเสนอเป็นทางออกของทุกฝ่ายยึดหลักความปลอดภัยผู้ป่วย ชี้เป็นการแก้กฎหมายที่มีข้อบกพร่องร้ายแรง ซ้ำ อย.ไม่ยอมแก้ไขในประเด็นที่หลายฝ่ายท้วงติง

เมื่อวันอังคารที่ 4 กันยายน 2561 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ ชมรมศิษย์เก่าเภสัชมหิดล และสโมสรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงานเสวนาในหัวข้อ ’ผ่า (ร่าง) พ.ร.บ.ยา ฉบับ อย. : ทันสมัยและคุ้มครองประชาชนจริงหรือ?’ ณ ห้องประชุม 302 อาคารเทพรัตน์ คณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล ถ.ศรีอยุธยา เขตราชเทวี กทม.

โดยมีวิทยากรร่วมเสวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว ได้แก่ 1.ภก.วรวิทย์ กิตติวงศ์สุนทร 2.ภก.ปัญจพล เหล่าพูนพัฒน์ 3.รศ.ภก.ปรีชา มนทกานติกุล และ 4.รศ. (พิเศษ) ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ มี ภญ.ศศิมา อาจสงคราม เป็นผู้ดำเนินรายการ

การเสวนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ พ.ร.บ.ยา และบทบาทวิชาชีพเภสัชกรรม สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของ (ร่าง) พ.ร.บ.ยา ฉบับใหม่ ตลอดจนเสนอทางออกและแนวทางแก้ไขปัญหา (ร่าง) พ.ร.บ. ยา ในมุมมองของนักวิชาการ

ทั้งนี้ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกแถลงการณ์คัดค้าน (ร่าง) พ.ร.บ.ยา ฉบับ อย. โดยมีคณาจารย์ ศิษยเก่า ศิษย์ปัจจุบัน และเภสัชกร ประมาณ 300 คน เข้าร่วมแสดงพลังและจุดยืนของวิชาชีพเภสัชกรรมคัดค้าน (ร่าง) พ.ร.บ.ยา ฉบับ อย. เช่นเดียวกันกับคณะเภสัชศาสตร์สถาบันอื่นๆ และเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมทั่วประเทศไทย

ในเสวนาดังกล่าว รศ.ภญ.สุวัฒนา จุฬาวัฒนทล คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล ได้อ่านแถลงการณ์ของคณะฯ เพื่อคัดค้าน (ร่าง) พ.ร.บ.ยา ฉบับ อย. ว่า “ประเด็น (ร่าง) พ.ร.บ.ยา ฉบับ อย.นั้นมีข้อบกพร่องร้ายแรงที่อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดปัญหาความไม่ปลอดภัยในการใช้ยาหลายประการ ขัดกับหลักสากล แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการแสดงความคิดเห็นจากหลายภาคส่วนให้ปรับแก้ไขจุดสำคัญที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชน แต่ อย.ยังคงไม่แก้ไขในประเด็นที่หลายฝ่ายเป็นห่วง

ขณะนี้ ทั่วโลกยึดหลักของการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบตามความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของบุคลากรสาธารณสุข การแบ่งหน้าที่ชัดเจนจะช่วยให้แต่ละวิชาชีพสามารถปฏิบัติงานได้ตามความรู้ความสามารถเฉพาะทางของตน และมีการตรวจสอบซึ่งกันและกัน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถส่งมอบยาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพให้แก่ผู้ป่วย

“วิชาชีพ” ต้องมีองค์ความรู้ มีมาตรฐานและจรรยาบรรณแห่งการประกอบวิชาชีพ ผ่านการควบคุมโดยสภาวิชาชีพ เพื่อให้ประชาชนได้รับความปลอดภัย

“เภสัชกร” เป็นบุคลากรวิชาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพราะต้องมีองค์ความรู้อย่างลึกซึ้งตั้งแต่โครงสร้างของยา การพัฒนาสูตรตำรับยา กลไกการออกฤทธิ์ของยา ปฏิกิริยาระหว่างยา อาการไม่พึงประสงค์ทางยา และความรู้เชิงลึกอื่นๆ ด้านยา เภสัชกรต้องปฏิบัติหน้าที่ทั้งผู้ผลิตยา จ่ายยา และคุ้มครองผู้บริโภคด้านยา

ขอย้ำว่า ยาทุกชนิดมีอันตรายหากใช้ไม่เหมาะสม ทุกวันนี้ประเทศไทยประสบปัญหาอย่างหนักด้านการใช้ยาอย่างไม่เหมาะสม ปัญหาเชื้อดื้อยา ปัญหาการใช้ยาอย่างฟุ่มเฟือย และการนำยาไปใช้ในทางที่ผิด จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2560 พบการขายยาที่ไม่ใช่ยาสามัญประจำบ้านในชุมชนสูงถึงร้อยละ 67 ซึ่งถือเป็นการผิดกฎหมาย รวมถึงมีการใช้ยาปฏิชีวนะในโรคที่ไม่จำเป็นสูงมาก

สิ่งเหล่านี้แสดงถึงความจำเป็นที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านยาเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว และส่งเสริมการใช้ยาอย่างเหมาะสม ลดปัญหาเชื้อดื้อยา และลดค่าใช้จ่ายด้านยา ซึ่งพบว่ามีสัดส่วนมากเป็นครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขชองประเทศ อันจะกลายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย

ประกอบกับยุคสมัยใหม่ที่เทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้า ทำให้มีการจำหน่ายยาในรูปแบบใหม่ๆ เช่น E-Commerce, Tele-Pharmacy ซึ่ง (ร่าง) พ.ร.บ.ยา ฉบับนี้ไม่ได้มีเนื้อหาที่ชัดเจนในการควบคุมและแก้ปัญหาดังกล่าว อีกทั้งไม่เป็นตามหลักสากลนิยม ดังนั้นจะกล่าวได้ว่าเป็น (ร่าง) พ.ร.บ.ยา ที่มีความทันสมัยได้อย่างไร

ทางออกของปัญหานี้ อย.ต้องระงับการเสนอ (ร่าง) พ.ร.บ.ยา ฉบับนี้ แล้วนำมาทบทวนแก้ไขเสียใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมาประชุมหารือในการแก้ไข (ร่าง) พ.ร.บ.ยา ฉบับนี้ นำข้อเสนอที่เป็นทางออกของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาทบทวน โดยต้องยึดหลักความปลอดภัยของผู้ป่วย และการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสำคัญ ควรเป็นไปตามหลักสากลนิยมตามแบบประเทศที่พัฒนาแล้ว ทำให้มีการตรวจสอบด้านความปลอดภัยของการใช้ยาของผู้ป่วยโดยประกอบวิชาชีพ เกิดการ Check and Balance เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้ใช้ยาอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด” คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล กล่าว