ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผอ.ศูนย์วิจัยควบคุมยาสูบ ม.แคลิฟอร์เนีย ห่วง "บุหรี่ไฟฟ้า" โหมโฆษณาฉ้อฉล อ้างปลอดภัย ช่วยเลิกบุหรี่ได้ ยันไม่จริง ซัดทำให้คนสูบเพิ่ม-เลิกยาก แถมอันตรายกว่าบุหรี่ธรรมดา ก่อโรคปอดอุดกั้น-หลอดลมอักเสบสูงกว่า 1.8 เท่า ฝุ่นผงเล็กกว่า ดูดซึมเข้าร่างกายง่ายกว่า แนะรัฐบาลไทยคงมาตรการเป็นสินค้าผิดกฎหมาย

ศ.ดร.สแตนตัน แกลนซ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและศึกษาด้านการควบคุมยาสูบ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา กล่าวในเวทีเสวนา E-Cigarette : Back to the Future ในการประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 "Tobacco and Lung Health" ว่า อุตสาหกรรมยาสูบอยู่เบื้องหลังและสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้า โดยพยายามล็อบบี้ให้เกิดการขายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลพยายามระงับการขายและไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ บุหรี่ไฟฟ้ามีหลายรูปแบบเพื่อเชิญชวนให้อยากสูบ แต่หลักการทำงานจะคล้ายกัน คือ ส่วนประกอบของบุหรี่ไฟฟ้า จะมีแบตเตอรี่ แทงค์บรรจุนิโคตินและน้ำยา และฮีทคอยล์ในการสร้างความร้อนจนเกิดไอระเหย ซึ่งต่างจากบุหรี่ธรรมดาที่ใช้ไฟจุดและความร้อนทำให้เกิดควัน

ศ.ดร.สแตนตัน กล่าวว่า ขณะนี้น่าเป็นห่วงว่า อุตสาหกรรมยาสูบกำลังพยายามโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างหนัก อย่างสหรัฐอเมริกามีการโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้าแบบไร้ควัน และออกแคมเปญต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ทำให้คนเข้าถึงและตลาดเติบโตขึ้น นอกจากนี้ ยังปรับปรุงผลิตภัณฑ์เป็นแบบซอฟต์นิโคติน ทำให้เกิดการติดนิโคตินได้ง่ายขึ้น โดยที่ผ่านมามีการอวดอ้างผลวิจัยว่า บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ธรรมดาได้และปลอดภัยกว่าถึง 95% ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง เพราะไม่ได้มีหลักฐานทางวิชาการที่ชัดเจน อีกทั้งเป็นการดำเนินการวิจัยโดยมีบริษัทบุหรี่อยู่เบื้องหลัง

อย่างกรณีที่ระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้าให้สารพิษน้อยกว่า แม้จะน้อยกว่าจริงแต่ก็ยังเป็นสารพิษ และการรับไปนานๆ จำนวนมากก็เป็นอันตรายได้เช่นกัน ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบฝุ่นผงที่เกิดจากบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดา จะพบว่าบุหรี่ไฟฟ้าเกิดฝุ่นผงขนาดเล็กกว่า จึงทำให้ดูดซึมเข้าร่างกายได้มากกว่าบุหรี่ธรรมดาจึงอันตรายกว่า ส่วนการเกิดโรคต่างๆ ก็ไม่ได้ต่างกัน ทั้งโรคหัวใจ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และหลอดลมอักเสบ

"บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดหัวใจได้เช่นกัน เพราะทำให้การขยายตัวของหลอดเลือดลดลง จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหัวใจขึ้นได้ ซึ่งอัตราการเกิดโรคหัวใจจากบุหรี่ไฟฟ้าถือว่าเพิ่มขึ้นมาก ยิ่งสูบทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดา ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจก็จะยิ่งมากขึ้น ส่วนอันตรายต่อปอดเกิดขึ้นทั้งจากน้ำยา นิโคติน สารให้กลิ่นรสต่างๆ รวมถึงโลหะหนักที่เกิดจากความร้อน จึงยิ่งอันตรายกว่าบุหรี่ธรรมดา โดยพบว่า บุหรี่ไฟฟ้าก่อให้เกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและหลอดลมอักเสบสูงกว่าบุหรี่ธรรมดา 1.8 เท่า ขณะที่การสูบทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าพบว่า ก่อให้เกิดโรคมะเร็งช่องปากได้" ศ.ดร.สแตนตัน กล่าว

ศ.ดร.สแตนตัน กล่าวว่า การที่บริษัทบุหรี่ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นโดยระบุว่า ช่วยให้เลิกบุหรี่ธรรมดาได้ ทั้งที่เป็นสินค้าหลักนั้น จึงไม่ใช่ตรรกะทางการค้า สอดคล้องกับการเก็บข้อมูลในวัยรุ่นอเมริกันที่พบว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยให้การสูบบุหรี่ธรรมดาลดลง แต่กลับทำให้เพิ่มขึ้น และควบคุมการบริโภคยาสูบได้ยากขึ้น ซึ่งผลจากการแพร่หลายของบุหรี่ไฟฟ้า พบว่าทำให้ผู้ใหญ่ที่หยุดบุหรี่ได้ 1 คน แต่กลับมีวัยรุ่นติดบุหรี่ไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้น 80 คน เพราะคนที่ติดอยู่แล้วเลิกไม่ได้ แต่มีคนกลุ่มใหม่ติดเข้ามา ทั้งยังทำให้คนที่ไม่เคยสูบบุหรี่ธรรมดา เมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วก็หันเข้ามาสูบบุหรี่ธรรมดาอีก

"บุหรี่ไฟฟ้าทำให้การควบคุมยาสูบทำได้ยากขึ้น ทำให้เลิกบุหรี่ธรรมดาได้น้อยลง ขยายการระบาดของการสูบยาสูบเพิ่มขึ้น และทำให้อากาศของคนที่ไม่สูบบุหรี่มีสิ่งแปลกปลอม โดยเสนอว่ารัฐบาลไทยยังควรให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และควรให้ความรู้ประชาชนในการหยุดสูบบุหรี่ และให้ความรู้ว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายมากกว่าบุหรี่ธรรมดา ทำให้หยุดสูบบุหรี่ยากขึ้น และทำให้เกิดการสูบบุหรี่ทั้งสองชนิด" ศ.ดร.สแตนตัน กล่าว