ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เลขาธิการ อย.จัดระบบติดตามการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ 2 ส่วน “ปริมาณการใช้พรวม-ผลการใช้ของผู้ป่วย” ขณะที่สถาบันประสาทวิทยาให้บริการโรคลมชักในเด็ก 4-5 คน เน้นใช้ซีบีดี 100 % พร้อมเปิดรับสมัครผู้ป่วยเข้าโครงการวิจัยทางการแพทย์แล้ว

 

ตามที่องค์การเภสัชกรรมทยอยจัดส่งสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ไปยังโรงพยาบาลศูนย์สังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยโรงพยาบาลต่างๆมีการเตรียมความพร้อมและจะเปิดให้บริการกับผู้ป่วยตั้งแต่ 20 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2562 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.ได้มีการจัดระบบติดตามการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ โดยในระยะแรก อย.ได้ดำเนินการใน 2 ส่วน ได้แก่ 1.การติดตามปริมาณการสั่งใช้สารสกัดกัญชา ซึ่งตามระบบจะต้องรายงานมายัง อย.เป็นรายเดือน แต่ในช่วงเริ่มต้นจะให้มีการรายงานเร็วขึ้น โดยให้รายงานทุก 2 สัปดาห์ และ 2.รายงานในส่วนของผู้ป่วยทั้งในผู้ที่รับบริการเสร็จสิ้นแล้ว และผู้ที่เริ่มใช้สารสกัดกัญชาในการรักษา โดยให้รายงานเป็นกรณีเฉพาะ เพื่อติดตามดูสถานการณ์ว่ามีปัญหาหรือผลกระทบอะไรหรือไม่ในการให้บริการระยะแรก

“ระบบติดตามที่ อย.วางไว้นั้น จะทำให้ทราบข้อมูลภาพรวมทั้งประเทศว่า ผู้ป่วยมีความต้องการใช้จริงๆ กี่คน และใช้ปริมาณเท่าไร เพื่อให้ทราบความต้องการที่แท้จริง ในการนำมาจัดระบบสนับสนุนการให้บริการ ซึ่งระยะแรกที่เป็นการให้บริการแบบวิจัยช่องทางพิเศษ หรือ Special Access Scheme หรือ SAS ผลดีคือจะทำให้ทราบถึงผลการรักษาต่อกลุ่มโรค รวมถึงภาวะแทรกซ้อนว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่อย่างไร” นพ.ธเรศ กล่าว

วันเดียวกัน พญ.ทัศนีย์ ตันติฤทธิศักดิ์ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กล่าวว่า สถาบันประสาทวิทยา ได้เริ่มให้น้ำมันกัญชาทางการแพทย์รักษาโรคลมชักในเด็กประมาณ 4-5 คน โดยใช้น้ำมันกัญชาสูตรซีบีดี 100% จากผู้บริจาคผ่านทาง อย. ซึ่งจะสามารถใช้ได้ 2-3 เดือน ส่วนน้ำมันกัญชาทางการแพทย์จาก อภ.ยังไม่แน่ใจเพราะส่วนใหญ่เป็นสูตรทีเอชซีสูง ซึ่งยังไม่สามารถใช้ได้กับผู้ป่วยที่สถาบันประสาทกำหนด อย่างไรก็ตาม ระหว่างรอ ทางสถาบันก็ได้มีการเปิดรับสมัครผู้ป่วยเข้าสู่โครงการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ แบ่งเป็นผู้ป่วยโรคลมชัก โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคพาร์กินสัน โรคสมองเสื่อม และโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า โดยสามารถลงทะเบียนได้ทาง www.nci.go.th หรือจะเข้ามาสมัครด้วยตัวเองที่สถานพยาบาลก็ได้ ตอนนี้เปิดรับเรื่อยๆ ก่อนจะมีการตรวจคัดกรอง ดูประวัติโรค และการรักษา ซึ่งจะทำก่อน จากนั้นก็จะพิจารณาคัดเลือกเข้าโครงการอีกครั้ง