ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แพทย์แผนไทยปฏิบัติการ วอนกระจายตำแหน่งข้าราชการ “โควตาพิเศษ” อย่างทั่วถึง ระบุทุกวิชาชีพมีบทบาทและหน้าที่ ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเต็มกำลัง พร้อมเผยความเหลื่อมล้ำทางวิชาชีพ ที่ยังไม่ได้รับการเหลียวแลจากกระทรวงสาธารณสุข

พท.ธราธร อัศว์วัธรวรโชติ แพทย์แผนไทยปฏิบัติการ โรงพยาบาลดอนมดแดง จ.อุบลราชธานี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว HFocus กรณี สธ.เสนอ ครม. เรื่องการขอบรรจุข้าราชการเพิ่มเติมจากที่เป็นพนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข และลูกจ้างกระทรวงสาธารณสุข ในส่วนที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ดูแลสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จำนวน 45,242 ตำแหน่ง ซึ่งล่าสุดวันนี้ (3 เม.ย. 2563) ที่ประชุม ครม. ได้เห็นชอบในหลักการแล้ว ระบุว่า ตามหลักการถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ สธ.เสนอให้มีการบรรจุตำแหน่งข้าราชการเพิ่ม เนื่องจากในภาวะการแพร่ระบาดโควิด-19 ทุกวิชาชีพต้องทำงานหนักและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่จากรายชื่อบรรจุพบว่าไม่ได้บรรจุตำแหน่งเพิ่ม เฉพาะวิชาชีพหลักคือ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และนักเทคนิคการแพทย์เท่านั้น แต่ยังมีบุคลากรสายสนับสนุนด้วย อาทิ นักทันตสาธารณสุข นักโภชนาการ โดยเฉพาะนักวิชาการคอมพิวเตอร์ ได้บรรจุมากถึง 2,123 ตำแหน่ง และนักกายภาพบำบัด 1,560 ตำแหน่ง ขณะที่ “นักการแพทย์แผนไทย” ไม่ได้รับการบรรจุในครั้งนี้

พท.ธราธร กล่าวว่า หลังการแพร่ระบาดหนักและมีคำสั่งปิดในส่วนงานของแพทย์แผนไทย ไม่ได้หมายความว่าพวกเราหยุดทำงาน ยังคงสนับสนุนทีมแพทย์และพยาบาล ในการคัดกรองผู้ป่วยที่เข้ามารักษา ดังนั้น การที่วิชาชีพนักการแพทย์แผนไทย ไม่มีตำแหน่งบรรจุตามโควตาในครั้งนี้ ถือเป็นความเหลื่อมล้ำทางวิชาชีพ ขณะนี้ทั่วประเทศมีนักการแพทย์แผนไทย ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการเพียง 966 อัตรา เป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับกรอบโครงสร้างกำลังคนของ สธ. ที่กำหนดตำแหน่งประมาณ 4,000 อัตรา ในขณะที่หลังจากนี้ สธ.ระบุว่าจะไม่เปิดตำแหน่งบรรจุเพิ่ม ให้รอตำแหน่เกษียณจากคนเก่าของแต่ละวิชาชีพ แต่อยากให้มองถึงความเป็นจริงด้วยว่า ในส่วนของนักการแพทย์แผนไทย กว่าครึ่งที่เป็นข้าราชการอายุน้อย เพราะ ก.พ. เพิ่งอนุมัติตำแหน่งให้เมื่อปี 2556 และเพิ่งมีการบรรจุเป็นข้าราชการเมื่อไม่นานมานี้ หากต้องรอคนเก่าเกษียณอายุราชการ ก็คงอีกนาน

“ถ้าการบรรจุตำแหน่งข้าราชการเพิ่มในครั้งนี้ ให้เฉพาะสายวิชาชีพหลัก เรายังเข้าใจและมองว่าเหมาะสม แต่จากรายละเอียดพบว่า มีการบรรจุให้สายสนับสนุนด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ควรพิจารณาตำแหน่งกับทุกวิชาชีพ เพราะทุกคนมีบทบาทและหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพของประชาชนเช่นเดียวกัน” พท.ธราธร กล่าว