ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ราชวิทยาลัยการพยาบาลแห่งสหราชอาณาจักร (อาร์ซีเอ็น) เผย พยาบาลราวครึ่งหนึ่งถูกกดดันให้ทำงานโดยปราศจากเครื่องป้องกันตามมาตรฐาน ในจำนวนนี้รวมถึงพยาบาลที่กำลังปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมความเสี่ยงสูงซึ่งผู้ป่วยหรือผู้ที่เข้าข่ายติดเชื้อ COVID-19 กำลังได้รับการรักษาด้วยเครื่องช่วยหายใจ

ข้อมูลจากผลสำรวจของอาร์ซีเอ็นจากพยาบาลทั่วสหราชอาณาจักรร่วม 14,000 คนเผยให้เห็นปัญหาขาดแคลนชุดพีพีอีซึ่งระอุในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ที่ผ่านมา

พยาบาลราว 1 ใน 3 ซึ่งดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งไม่ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจชี้ว่าอุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและดวงตากลายเป็นของขาดแคลนไปแล้ว พยาบาลเพียงครึ่งหนึ่งมีเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมืออย่างเพียงพอ และราว 1 ใน 10 ต้องอาศัยอุปกรณ์ป้องกันใบหน้าและดวงตาซึ่งซื้อหาหรือประดิษฐ์ขึ้นเอง

ร้อยละ 88 ของผู้ตอบแบบสอบถามเป็นพยาบาลวิชาชีพหรือผดุงครรภ์และร้อยละ 5 เป็นผู้ช่วยพยาบาล ทั้งนี้ อาร์ซีเอ็นจะดำเนินการสำรวจความคิดเห็นอีกครั้งเพื่อรวบรวมปัญหาเกี่ยวกับชุดพีพีอีทั่วสหราชอาณาจักร โดยจะแบ่งปันข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงสำนักสุขภาพและความปลอดภัย

รายงานของอาร์ซีเอ็นเปิดเผยคล้อยหลังการประกาศแนวทางปฏิบัติการป้องกันไวรัสโคโรนาซึ่งถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการแนะนำให้นำอุปกรณ์บางส่วนของชุดพีพีอีกลับมาใช้ใหม่ท่ามกลางภาวะขาดแคลนอุปกรณ์อย่างรุนแรง

ในกลุ่มพยาบาลซึ่งรักษาผู้ที่เข้าข่ายติดเชื้อหรือติดเชื้อ COVID-19 ในพื้นที่ความเสี่ยงสูงพบว่าร้อยละ 51 ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่ามีการขอความร่วมมือให้นำชุดพีพีอีกลับมาใช้ใหม่แม้เป็นชุดที่ผู้ผลิตระบุว่า ‘ใช้ครั้งเดียว’ และจากพยาบาลซึ่งรักษาผู้ป่วย COVID-19 ในทุกพื้นที่พบว่าร้อยละ 39 ของผู้ตอบแบบสอบถามตอบว่ามีการขอความร่วมมือให้นำชุดพีพีอีมาใช้ใหม่

เดม ดอนนา คินแนร์ ประธานบริหารและเลขาธิการใหญ่อาร์ซีเอ็นชี้ว่าตัวเลขดังกล่าวเปิดโปงปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันสำหรับพยาบาลทุกภาคส่วน

“น่าเศร้าที่พยาบาลต้องพะวงต่อความปลอดภัยทั้งตัวเองและผู้ป่วย” เลขาใหญ่อาร์ซีเอ็นกล่าว “วิกฤตินี้กำลังคร่าชีวิตพยาบาล ส่วนพยาบาลที่เหลือก็รู้สึกไม่ต่างจากตกเป็นเป้าของไวรัส”

“ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างเร่งด่วน พยาบาลต้องการเพียงทำหน้าที่ และจะต้องมีเครื่องป้องกันเพื่อให้พยาบาลสามารถปฏิบัติหน้าที่ของตน”

เฮเลน ไวลีย์ ผู้อำนวยการอาร์ซีเอ็นแคว้นเวลส์เสริมว่า “ผลลัพธ์ก็เห็นชัดเจน พยาบาลในทุกภาคส่วนทั่วแคว้นเวลส์กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันอย่างรุนแรง”

“พยาบาลและผู้ช่วยทั้งในศูนย์ดูแลผู้ป่วย ชุมชน และโรงพยาบาลต่างต้องแบกชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานภายใต้ความเครียดและทำงานเพื่อปกป้องชีวิตคนอื่นโดยที่เอาชีวิตตนเองเป็นเดิมพัน”

“ปัญหาขาดแคลนชุดพีพีอีเป็นชนวนความเครียดและความวิตกกังวลทั้งในหมู่พยาบาลและผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลของพยาบาล”

อาร์ซีเอ็นเผยว่ากำลังมีแผนดำเนินการสำรวจเพื่อประเมินว่าการเข้าถึงชุดพีพีอีและอัตราการควบคุมเชื้อเปลี่ยนไปตามระยะเวลาหรือไม่ในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19

ผลสำรวจความคิดเห็นนี้เป็นหลักฐานล่าสุดที่ชี้ให้เห็นการขาดแคลนชุดพีพีอีสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์ซึ่งกำลังต่อสู้กับไวรัสโคโรนาซึ่งส่งผลให้รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้รับเสียงตำหนิหนาหูในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

อีกด้านหนึ่งมีการสำรวจจากพยาบาล 220 คนชี้ว่า 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันที่สำคัญทั้ง 3 ชนิดนับตั้งแต่เข้าสู่เดือนเมษายน

ราวร้อยละ 73 ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่มีชุดกาวน์แบบใช้แล้วทิ้ง หน้ากากเอฟเอฟพี3 และอุปกรณ์ป้องกันดวงตา (แว่นหรือเฟซชีลด์) และร้อยละ 63 ไม่มีหน้ากากอนามัยให้ใช้

เมื่อต้นเดือนทางการสหราชอาณาจักรได้ประกาศแผนจัดหาชุดพีพีอีท่ามกลางเสียงวิจารณ์อึงมี่และความวิตกว่าชุดกาวน์ หน้ากาก และอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่นจะมีใช้เพียงพอหรือไม่

แมต แฮนค็อก รมว.สาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์กล่าวว่าแผนซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทั่วสหราชอาณาจักรจะรับประกันว่า “อุปกรณ์จำเป็น” จะส่งถึงมือเจ้าหน้าที่แนวหน้าที่กำลังต่อสู้กับ COVID-19

อย่างไรก็ดี รมว.แฮนค็อกโดนตำหนิเพราะระหว่างการแถลงข่าวนั้นไปโทษว่าปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้ชุดพีพีอีและใช้มากเกินไป

ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลและสมาคมวิชาชีพทั้งสมาคมแพทย์อังกฤษและอาร์ซีเอ็นนำมาสู่คำขู่ว่าแพทย์และพยาบาลสามารถปฏิเสธผู้ป่วยหากมีชุดพีพีอีไม่เพียงพอ

สภาการพยาบาลและผดุงครรภ์ได้ออกแนวทางปฏิบัติการใช้ชุดพีพีอีโดยตระหนักถึงปัญหาความสับสนด้านมาตรการความปลอดภัยโดยสอดคล้องกับข้อพึงปฏิบัติในการทำงาน

มิเรียม ดีคิน ผู้อำนวยการด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ของเอ็นเอชเอสโพรไวเดอร์ชี้ว่าผู้บริหารเอ็นเอชเอสทั้งในท้องถิ่นและระดับประเทศมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรับประกันว่าบุคลากรแนวหน้าสามารถให้การดูแลรักษาแก่ผู้ป่วยโดยมั่นใจในความปลอดภัยของตนเอง

“เราทราบดีถึงความวิตกต่อปริมาณอุปกรณ์พีพีอีโดยเฉพาะเสื้อกาวน์ และสถานพยาบาลในเครือข่ายเอ็นเอชจะดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติของสาธารณสุขอังกฤษ”

“เป็นเรื่องดีที่ทราบว่าอัตราการผลิตชุดพีพีอีในอังกฤษเริ่มสูงขึ้นและการระดมอุปกรณ์จากต่างประเทศก็ยังคงดำเนินต่อไป อย่างไรก็ดีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนก็เป็นความจำเป็นเร่งด่วน”

“สถานพยาบาลในเครือข่ายเอ็นเอชเอสต่างก็สนับสนุนกันและกันและประสานงานกับพันธมิตรเพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกัน แต่เนื่องจากความพยายามดังกล่าวยังจำกัดวงอยู่ในระดับประเทศทำให้พีพีอียังคงเป็นอุปกรณ์ที่ต้องจัดหาเร่งด่วนในขณะนี้”

จัสติน แมดเดอร์ส แกนนำพรรคเลเบอร์ของอังกฤษกล่าวว่าพยาบาลกำลังช่วยชีวิตผู้คนท่ามกลางวิกฤติโดยต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง

“พยาบาลไม่ควรต้องพะวงกับชีวิตของตนเองเพียงเพราะไม่มีเครื่องป้องกันที่เหมาะสม เสียงเตือนถึงปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันดังมาหลายสัปดาห์แล้วและรัฐบาลอังกฤษก็มีเวลาตั้งหลายเดือนที่จะจัดสรรอุปกรณ์ให้เพียงพอ”

“รัฐบาลต้องทำให้ได้ตามที่ลั่นวาจาไว้ โดยจะต้องแก้ปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์เพื่อไม่ให้บุคลากรรู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะขาดแคลนชุดพีพีอี”

“การทำไม่ได้ตามที่คุยคำโตไว้ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย และต้องไม่ลืมว่าเราต่างก็เป็นหนี้บุคลากรเอ็นเอชเอสมากเพียงใด”

แปลและเรียบเรียงโดย หฤทัย เกียรติพรพานิช

แหล่งที่มา Half of nursing staff under pressure to work without PPE, reveals RCN (https://nursingnotes.co.uk)