ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“อนุทิน ชาญวีรกูล” เผยความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19 ย้ำยังไม่ถึงขั้นทดลองในมนุษย์ แต่คืบหน้าสัตว์ทดลอง พร้อมจัดสรรงบ 3 พันล้านจากเงินกู้ 4.5 หมื่นล. ให้สถาบันวัคซีนฯ สนับสนุนวัคซีนสำหรับคนไทย

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการศึกษาวิจัยวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19ของประเทศไทยว่า ได้รับการรายงานเบื้องต้นจากอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าในส่วนของการศึกษาวิจัยที่มีความคืบหน้าอย่างมาก คือ ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีการทดลองในลิงแล้วได้ผลดี และชนิดดีเอ็นเอ ของบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ที่มีการทดลองในหนูแล้วได้ผลดีสามารถเพิ่มภูมิต้านทานได้ ก็จะมีการเดินหน้าทดลองในสัตว์ใหญ่ คือ ลิงต่อไป ก่อนที่จะถึงมนุษย์ ซึ่งการทดลองกว่าที่จะถึงขั้นที่ทดลองในคนจะต้องผ่านกระบวนการหลายๆอย่างเพื่อให้เกิดความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การวิจัยวัคซีนโควิด-19ของประเทศไทยนับว่ามีแนวโน้มในทางที่ดีเป็นสิ่งที่น่ายินดี

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า การสนับสนุนงบประมาณในการศึกษาวิจัยวัคซีนนั้น จะมีการจัดสรร จำนวน 3,000 ล้านบาท จากงบฯเงินกู้โควิดที่ด้านสาธารณสุขได้รับ 4.5 หมื่นล้านให้กับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่อใช้ในเรื่องการสนับสนุนการจัดหาวัคซีนสำหรับคนไทย ทั้งในส่วนของการศึกษาวิจัยภายในประเทศ โครงการนำร่อง(pilot project) เตรียมทั้งการลงทุนว่าจะลงทุนเองหรือในรูปแบบของการสนับสนุนก็อยู่ที่ขั้นตอนตามกฎหมายที่กำหนดไว้ รวมถึง การปรับปรุงโรงงาน และคิดละเอียดไปถึงขั้นตอนการทำโรงงานผลิตขวดวัคซีนด้วย เพราะถ้าอนาคตอันใกล้เกิดการค้นคว้าวัคซีนสำเร็จในหลายๆประเทศ ก็จะไม่มีขวดวัคซีนมาใช้อีก ซึ่งสภาพของการขาดแคลนเวชภัณฑ์ในช่วงที่มีการระบาดระดับโลกมีมาแล้ว เช่น หน้ากากอนามัย ชุดป้องกันพีพีอี หรือยาขาด จึงเป็นเหตุผลที่กระทรวงสาธารณสุขต้องจัดสรรงบประมาณ ให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประเทศไทยยืนบนขาตัวเองให้ได้ ซึ่งเป็นเพียงการสนับสนุนเบื้องต้น หากการผลิตวัคซีนโควิดสำเร็จจริงๆ ไม่ต้องห่วงการสนับสนุนทุกอย่างต้องมุ่งมาอยู่ตรงนี้

“ถามว่าวันนี้ผมกล้าเป็นอาสามสมัครในการทดลองวัคซีนในคนหรือไม่ ก็บอกว่ากล้า เพราะว่าเรามีข้อมูล ไปเห็น ไปสัมผัส ไปพูดคุย ไปสนับสนุนทุกอย่างทำไมจะไม่กล้า ก็พร้อมจะเป็นอาสาสมัครถ้าผู้วิจัยยอมฉีดให้ ซึ่งต้องดูด้วยว่าแพทย์จะกำหนดคุณสมบัติคนที่จะเป็นอาสาสมัครอย่างไร แต่หลักการสาธารณสุขสากล คนที่จะได้รับวัคซีนในช่วงของการทดลอง จะต้องเป็นบุคลากรทางการแพทย์ เพราะอย่างน้อยก็ได้รับการทดลองในขณะที่ทำงานกับผู้ป่วย”นายอนุทินกล่าว

วันเดียวกัน ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.พัฒนาวัคซีนโควิด-19 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า หลังจากตรวจภูมิคุ้มกันในลิงทดลองที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกพบว่าได้ผลดีนั้น ในวันจันทร์หน้าจะมีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในลิงต่อ เพื่อดูเรื่องการกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อไป

“ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดรับสมัครอาสาสมัคร เพราะยังไม่ถึงระยะเวลาที่ต้องทำ จะทำข้ามขั้นตอนไม่ได้ ถ้าเมื่อไหร่ที่เราจะทดสอบในคน จะมีเงื่อนไขหลายตัวคือ 1.ประสิทธิภาพในสัตว์ทดลองได้ผลดี 2.ข้อมูลความปลอดภัยต้องมากพอ 3.โรงงานผลิตต้องมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับสากล 4.สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีข้อมูลว่าวัคซีนหรือยา มีความปลอดภัยมากพอ และสุดท้ายที่ต้องผ่านด่านให้ได้คือการอนุมัติของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ถ้าทำที่จุฬาฯ ก็ต้องเป็นกรรมการของมหาวิทยาลัย ถ้าร่วมกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ซึ่งทิศทางเป็นอย่างนั้นก็ต้องเป็นคณะกรรมการร่วม หรือคณะกรรมการวิจัยในมนุษย์ส่วนกลาง เมื่อผ่านทุกอย่างจึงจะสามารถประกาศรับอาสาสมัครได้” ศ.นพ.เกียรติ กล่าว