ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด เผยผลทดลองวัคซีนโควิด-19 ให้ผลกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อโรคดี รอกรมวิทย์ฯ ตรวจสอบคุณภาพ พร้อมส่งเรื่อง อย. วิจัยมนุษย์ต่อไป

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์หลังการหารือและรับฟังความคืบหน้าการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ว่า บริษัทไบโอเนท-เอเชีย จำกัด ได้รับรายงานผลการทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด DNA ในหนูทดลองให้ผลกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อโรคดี ขณะนี้เตรียมการให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบคุณภาพ และส่งเรื่องขอคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการวิจัยในมนุษย์ต่อไป โดยหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนประเทศไทย และคนไทยจะมีวัคซีนใช้ไม่เกิน 9 เดือน สำหรับการทดลองในคนระยะที่ 3 ซึ่งต้องใช้กลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ระบาดของโรคนั้น มีหลายประเทศในเอเชียที่ประสานขอเข้าร่วมการทดลองในมนุษย์ด้วย ดังนั้นจึงอยู่ที่การเจรจาเงื่อนไขกัน

“ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิดนี้ ทางบริษัทไบโอเนทฯ จะแบกความรู้นี้ไปให้กับบริษัทต่างชาติในโลกก็ได้ แต่ทางบริษัทไบโอเนทฯ ยืนยันว่าต้องการให้นวัตกรรมนี้เป็นสมบัติของคนไทย คนไทยต้องได้รับวัคซีนก่อน จึงเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชม ขอบคุณ และหวังว่าการผลิตวัคซีนจะสำเร็จในเร็ววัน ซึ่งขณะนี้ทราบว่าบริษัทก็ได้เตรียมความพร้อมผลิตในระดับอุตสาหกรรมไว้หมดแล้ว เรื่องนี้รัฐบาลอำนวยความสะดวกเต็มที่บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน” นายอนุทิน กล่าว

นายวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด กล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด DNA ผลการทดลองในหนูให้ผลดี จากนี้จะนำรายละเอียดไปคุยกับ อย.เพื่อให้มั่นใจเรื่องความปลอดภัยต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีหลายประเทศทั้งในยุโรป และอเมริกา ประมาณ 3-4 เจ้า ผลิตวัคซีนป้องโควิด-19 โดยใช้เทคโนโลยีเดียวกันนี้ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศเหล่านั้นให้การรับรองแล้ว องค์การอนามัยโลกก็ให้ความมั่นใจ ดังนั้นในกรณีเร่งด่วนเช่นนี้เราสามารถลัดขั้นตอนไปทดลองมนุษย์ระยะที่ 1 เลย โดยไม่ต้องผ่านการวิจัยในลิง โดยจะเริ่มได้ประมาณปลายก.ค. - ส.ค.นี้ ส่วนรายละเอียดกลุ่มตัวอย่างที่จะใช้นั้นอยู่ระหว่างการวางแผน แต่จะใช้จำนวนไม่มาก อย่างไรก็ตาม เราจะมีการทดลองในคนระยะ 1 คู่กับการทดลองในลิงด้วย

นายวิฑูรย์ วงศ์หาญกุล

นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า เราจะนำข้อมูลผลการทดลองในหนูทดลอง รวมถึงข้อมูลความปลอดภัยของการทดลองวัคซีนในต่างประเทศที่ใช้เทคนิคเดียวกันนี้และมีความปลอดเหล่านี้ไปยื่นต่อ อย. เพื่อพิจารณา เรื่องการวิจัยในมนุษย์ ซึ่งจากประสบการณ์ และองค์ความรู้มั่นใจว่าการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ชนิด DNA นั้น ถ้าเป็นไปตามแผนจะสำเร็จไม่เกิน 9 เดือนนับจากนี้ หรือประมาณไตรมาสแรกปี 2564 จะสามารถผลิตวัคซีนได้ อย่างน้อยก็สามารถให้กับกลุ่มเสี่ยงอย่างบุคลากรการแพทย์ได้ ส่วนการเตรียมพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนป้องโควิด-19 ชนิด mRNA ที่ผลิตโดยคนไทยตอนนี้ก็เตรียมพร้อมอยู่ไม่มีปัญหาอะไร

ด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ในการพิจารณาอนุญาตให้มีการวิจัยในมนุษย์นั้น อย.จะต้องดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก และดูอย่างเข้มข้น เพราะจะมีการพัฒนาข้ามขั้นตอนจากลิงมาคนเลย ดังนั้นทางบริษัทไบโอเนทฯ ต้องนำข้อมูลความปลอดภัยมาแสดงอย่างรอบด้าน ว่ามีความปลอดภัยจริงๆ เช่นกรณีวัคซีนที่ประเทศอื่นๆ ใช้เทคนิคเดียวกันนี้ได้รับการรับรองความปลอดภัยแล้วจริงๆ มีขั้นตอนอย่างไร ถ้าแสดงให้อย. เห็นไม่ได้ก็ไม่อนุญาต แต่ถ้าแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยได้ก็จะอนุญาต ซึ่งการพิจารณาไม่เกินสัปดาห์หน้า