ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเห็นชอบออกนโยบายการกักกันโรคระดับชาติ รองรับเปิดประเทศฟื้นฟู ศก. ยึด 3 หลักการ พร้อมเสนอลดจำนวนวันกักโรคเหลือ 10 วันจาก 14 วัน เตรียมชง ศบค.พิจารณาครั้งหน้า

เมื่อวันที่ 29 ต.คง ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 8/2563 ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบในขณะนี้ส่วนใหญ่เดินทางมาจากต่างประเทศ แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อภายในประเทศบ้าง ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมในเวลานี้ ประเทศไทยมีศักยภาพในการต่อสู้โควิด 19 ทั้งทรัพยากร เวชภัณฑ์ แล็บ ยา แพทย์พยาบาล ที่สำคัญไม่มีผู้ป่วยหนักในไอซียู และอัตราการเสียชีวิตต่ำมากน้อยกว่าร้อยละ 2 ทำให้ประชาชนมั่นใจได้

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบ ร่างนโยบายการกักกันโรคระดับชาติ (National Quarantine Policy) รองรับการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว ประกอบด้วย 3 หลักการ คือ 1.จัดให้มีระบบการกักกันโรค และสถานที่กักกันผู้สัมผัสโรคหรือพาหะ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน เหมาะสมกับบริบทของการปฏิบัติงานและกลุ่มเป้าหมาย และเพียงพอทุกพื้นที่ 2.พัฒนากลไกการบริหารจัดการระบบการกักกันโรคและสถานที่กักกันโรคให้เป็นเอกภาพ ทั้งในระดับชาติ และระดับจังหวัด ที่สามารถทำงานเชื่อมโยงกันได้ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร และ 3.เร่งพัฒนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลแบบบูรณาการ เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า พร้อมทั้ง ได้กำหนดระบบการจัดการในสถานที่กักกันโรค 10 ข้อ ทั้งด้านการจัดการสถานที่พัก พื้นที่ส่วนกลางและสถานที่เฉพาะ, มีผู้รับผิดชอบทุกขั้นตอนครบตามจำนวนวันที่กำหนด, การคัดกรองการเจ็บป่วย หรือสงสัยติดเชื้อโควิด 19, การจัดการสิ่งแวดล้อม, การบริการพื้นฐานเพื่อการดำรงชีวิต, การรวบรวม จัดเก็บข้อมูล, ระบบรายงานเหตุการณ์, การพัฒนาทักษะผู้ปฏิบัติงาน, การตรวจประเมินสถานที่กักกันโรค และมีวิธีการการตรวจสอบย้อนหลังเมื่อพบเหตุการณ์ผิดปกติ รวมทั้งมีการกำกับติดตาม และประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงาน ทั้งในระดับชาติและพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ

“นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นด้วยกับหลักการ เรื่องการลดเวลาการกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วัน และให้ข้อเสนอแนะให้เน้นเรื่องความปลอดภัย การติดตามตัวได้ มีอาการป่วยหรือไม่ เข้มข้นการปฏิบัติตัวแบบ New normal โดยจะเสนอ ศบค. พิจารณาต่อไป” นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าลดจำนวนวันจะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า เดิมทีกรมควบคุมโรคเตรียมเสนอ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เมื่อเจอกรณีเกาะสมุย จึงต้องให้มีความมั่นใจ ซึ่งขณะนี้ได้ควบคุมสถานการณ์ เฝ้าระวังกลุ่มสัมผัสเสี่ยงต่างๆแล้ว อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเสนอที่ประชุม ศบค.ครั้งหน้า

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาการดำเนินการสั่งให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยต้องกักกันเพื่อป้องกันควบคุมโรคโควิด-19นั้น ดำเนินการภายใต้ประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19(ศบค.) แต่นโยบายการกักกันโรคระดับชาติที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเห็นชอบนี้ จะส่งผลให้กรมต้องไปดำเนินการออกประกาศ ระเบียบ ข้อปฏิบัติภายใต้พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายนี้ทั้งผู้ที่เป็นผู้ดำเนินการสถานที่กักกัน และผู้ถูกสั่งให้กักกันจะถูกเปรียบเทียบปรับตามพรบ.นี้ ฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน โดยนโยบายฯนี้จะใช้นการปฏิบัติของสถานที่กักกันทุกรูปแบบในประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอัตราการเปรียบเทียบตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 อาทิ กรณีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งในการมาให้ข้อเท็จจริง ของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ คณะกรรมการด้านวิชาการ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ผิดครั้งที่ 1 จำนวน 5,000 บาท ครั้งที่ 2 เป็นต้นไป 10,000 บาท กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานฯในการดำเนินการกักกัน หรือห้ามก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคแพร่ออกไป ปรับ 6,000 -20,000 บาท และกรณีไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ปรับครั้งที่ 1 จำนวน 5,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 10,000 บาท ครั้งที่ 3 จำนวน 15,000 บาท และครั้งที่4เป็นต้นไป 20,000 บาท เป็นต้น