ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รวมกรณีป่วยโควิดท่าขี้เหล็กเข้าไทยรวม 23 ราย  มีติดเชื้อในประเทศ 3 ราย เคสเชียงรายชาย 28 ปีและหญิง 51 ปีสิงห์บุรี ส่วนอีกรายบุคลากรทางการแพทย์ ส่วนรายใหม่วันนี้(6ธ.ค.) 2 รายเป็นหญิงไทยอายุ 26 ปี กับชายไทยอายุ 30 ปี เป็นเพื่อนกันเดินทางข้ามไปสถานบันเทิงท่าขี้เหล็ก ย้ำเหตุการณ์ท่าขี้เหล็กไม่ใช่ระบาดระลอกสอง เหตุควบคุมในพื้นที่ได้ ไม่ระบาดวงกว้าง

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ รักษาราชการอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวความก้าวหน้าผลการสอบสวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ว่า สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสาร เพราะจะมีการแถลงความคืบหน้าทุกวัน เนื่องจากจะมีประเด็นที่ต้องแจ้งกรณีหากใครนั่งเครื่องบิน หรืออยู่ในไทม์ไลน์เกี่ยวข้อง ที่สำคัญหากใครเป็นเจ้าของบ้านเช่า คอนโดมิเนียม สถานประกอบกิจการต่างๆ หากพบคนไทย หรือคนต่างชาติเข้ามาโดยไม่กักตัวให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องย้ำคือ ความเสี่ยงในการติดเชื้อไม่ได้อยู่ที่สถานที่ แต่อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับผู้ป่วยหรือผู้มีเชื้อที่กำลังแพร่เชื้ออยู่ ดังนั้นไม่ว่าเชียงใหม่ เชียงราย พิจิตร ฯลฯ จึงเป็นสถานที่ปลอดภัย สามารถไปเที่ยวได้ พี่น้องประชาชนไม่ต้องกังวล สามารถไปท่องเที่ยวได้ ไม่ต้องงดการเดินทาง ขอเพียงปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันตนเอง ทั้งสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่าง

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ผู้ที่เดินทางเข้ามาจากท่าขี้เหล็ก ข้อมูล ณ วันที่ 6 ธ.ค.2563 โดยจากการดำเนินการร่วมกันระหว่างทีมปฏิบัติการสอบสวนโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา พิจิตร ราชบุรี สิงห์บุรี กทม. กรมควบคุมโรค ฯลฯ ข้อมูลผู้ป่วยโควิด-19 ที่เกี่ยวข้อง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เดือน พ.ย.-ธ.ค. มีทั้งหมด 23 ราย โดยอยู่ในจ.เชียงใหม่ 5 ราย ซึ่งรายสุดท้าย เป็นหนึ่งในผู้สัมผัสของผู้ป่วย 4 รายแรกอยู่แล้ว จ.เชียงราย ถือเป็นจังหวัดแรกที่พบว่ามีผู้เดินทางข้ามมาจากท่าขี้เหล็ก และต่อมาก็พบเพิ่มเติม ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมด 11 ราย ซึ่งเป็นข้อน่าสังเกตว่า มี 5 รายที่พบในสถานที่กักกันที่รัฐกำหนดไว้ โดยใน 11 รายมีเพียง 1 รายที่ติดเชื้อในประเทศไทย โดยไม่มีประวัติเดินทางไปท่าขี้เหล็ก รายนี้คือเป็นชายอายุ 28 ปี อยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนที่เดินทางลอบเข้ามา ซึ่งเป็นรายที่ไปเที่ยวงานฟาร์ม เฟสติวัล ที่สิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ถัดมา ที่กทม.พบ 3 ราย โดยรายแรกเป็นผู้กลับมาจากเมียนมา และเมื่อวาน(5 ธ.ค.)เพิ่ม 1 ราย เป็นชายอายุ 30 ปีเป็นสาวสอง และวันนี้(6 ธ.ค.) เป็นรายล่าสุดพบหญิงอายุ 26 ปี   โดยมีประวัติว่าเดินทางไปท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา  อย่างไรก็ตาม  ตนเพิ่งได้รับข้อมูลเมื่อเช้า หลังจากสอบถามมา 1-2 วันที่ผ่านมา ต่อมาเป็นกรณีพิจิตร มี 1 ราย จ.ราชบุรี 1 ราย ส่วนสิงห์บุรีเป็นหญิงอายุ 51 ปี เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศรายที่ 2 ขณะที่จ.พะเยา 1 ราย อายุ 28 ปี รายนี้พบตั้งแต่ 1 ธ.ค. เป็นเพื่อนผู้ที่อยู่ในจ.เชียงราย

“สำหรับรายใหม่ในวันนี้(6 ธ.ค.) คือ หญิงไทยอายุ 26 ปี มีประวัติร่วมกับชายไทยอายุ 30 ปี ซึ่งเป็นสาวสอง โดยทั้งสองคนเดินทางไปจ.เชียงราย 6 พ.ย.และข้ามไปสถานบันเทิงท่าขี้เหล็กในช่วงวันที่ 6-27 พ.ย. และกลับมาไทยวันที่ 27 พ.ย.พักด้วยกัน และวันที่ 28 พ.ย.ซื้อของที่ตลาด และเย็นไปเดินถนนคนเดิน ส่วนวันที่ 29 ผู้ชายให้ข้อมูลว่าไปเดินที่วัดพระธาตุดอยเวา และกินข้าวร้านตามสั่ง ในตลาดแม่สาย ซึ่งไปพร้อมกับผู้หญิง โดยผู้หญิงเดินทางกลับ กทม.โดยสายการบินไทยสไมล์ WE137 และใช้บริการแท็กซี่สนามบินไปส่งโรงแรมที่ กทม. ส่วนผู้ชายวันที่ 30 พ.ย. อยู่จ.เชียงราย แต่มีไข้ต่ำๆ ได้เรียกแท็กซี่ไปสนามบินเชียงราย แต่สวมหน้ากาก เพื่อเดินทางไปกทม.ด้วยสายการบินไลออนแอร์ เที่ยวบินSL545 เวลา 19.05-20.00 น. และเรียกแท็กซี่กลับบ้าน"

โดยทั้ง 2 คนเมื่อถึงกทม.(30 พ.ย.-3 ธ.ค.) อยู่ในที่พักเป็นส่วนใหญ่ โดยวันที่ 4 ธ.ค. ผู้ชายได้เดินทางมาตรวจเชื้อที่เวชศาสตร์เขตร้อน และพบเชื้อโควิด ส่วนเพื่อนผู้หญิงก็เดินทางไปเป็นเพื่อน แต่มีอาการวันรุ่งขึ้น โดยมาตรวจในวันที่ 5 ธ.ค. และพบเชื้อโควิด สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยทั้งสองรายนั้นพบ 15 ราย แบ่งเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 5 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 10 ราย โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นผู้สัมผัสในชุมชน 4 ราย คือ ที่เชียงราย 2 ราย และปทุมธานี 1 ราย ส่วนผู้สัมผัสในยานพาหนะมี 1 ราย คือ เชียงราย ที่เป็นคนขับแท็กซี่ไปสนามบิน ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอยู่ระหว่างเฝ้าระวัง

ส่วนกรณีผู้สัมผัสกับผู้ป่วยเพศหญิงอายุ 51 ปี จ.สิงห์บุรี มีผู้สัมผัสรวม 227 ราย พบกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง 32 ราย คือ ผู้ร่วมบ้าน 3 ราย มีสามี พ่อ แม่ผุ้ป่วย เพื่อนร่วมงาน โรงงานจ.อ่างทอง อีก 25 ราย ร้านตัดเสื้อ 1 ราย จนท.ประกันสังคมอ่างทอง 3 ราย ผลตรวจทั้งหมดเป็นลบ อยู่ระหว่างรอตรวจครั้งที่ 2 ส่วนกลุ่มเสี่ยงต่ำมี 195 ราย อยู่ระหว่างเฝ้าระวัง

สำหรับการนั่งบนเครื่องบินของผู้ป่วยอายุ 51 ปี เที่ยวบินนกแอร์ DD 8717 วันที่ 28 พ.ย. 2563 พบว่าผู้ป่วยรายนี้นั่งไกลจากผุ้ป่วยเคสพิจิตร ซึ่งถือว่านั่งไกลบนเครื่องบิน ห่างกัน 8 แถว โดยทุกคนสวมหน้ากากเมื่ออยู่บนเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดที่แม่ฟ้าหลวง จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยสิงห์บุรีอยู่ในพื้นที่เดียวกับผู้ป่วยจ.พิจิตร จากข้อมูลน่าจะมีช่วงเวลาหนึ่งไปห้องน้ำเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งก็ต้องสอบสวนเพิ่มเติมว่า จุดเสี่ยงอยู่บริเวณใด

“สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้ยังไม่อยู่ในการระบาดระลอกสอง เนื่องจากผู้ติดเชื้อเกือบทุกรายเดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วน 2 รายที่ติดในประเทศไทยก็เป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และไม่มีการแพร่เชื้อต่อจากคนติดเชื้อในประเทศไปยังผู้อื่น ซึ่งถือว่าติดเชื้อจำกัดมาก อันนี้เราคาดอยู่แล้วว่าเป็นไปได้ ในกรณีนี้เราก็สามารถระบุต้นเหตุและแหล่งรับเชื้อได้ในระดับหนึ่ง และไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องที่ผู้เดินทางจากท่าขี้เหล็กกลับไปภูมิลำเนา” นพ.โสภณ กล่าว และว่า การที่ผู้ติดเชื้อไม่บอกความจริง หรือบอกความจริงไม่หมด ทำให้การสอบสวนโรคยุ่งยากขึ้น อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้มีเพียง 3 ราย ที่เป็นการติดเชื้อจากในประเทศ  โดยติดในสถานที่กักกันทางเลือก 1 รายเป็นบุคลากรทางการแพทย์ อยู่ในสถานที่กักกันทางเลือก(ASQ) เป็นรายล่าสุดที่มีการรายงานเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2563 และอีก 2 ราย ติดจากผู้ที่ลักลอบเข้ามาจากเมืองท่าขี้เหล็ก