ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“อนุทิน” แจงยิบกรณีข่าวผลกระทบหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 มาจากสำนักข่าวตปท. แต่ยังไม่ได้ยืนยันเชื่อมโยงจากหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบด้านนี้ ส่วนไทยมีคณะกรรมการตรวจสอบวัคซีนก่อนฉีด ต้องประเมินร่วมกันว่าปลอดภัย ยัน ไม่บังคับประชาชนรับวัคซีน

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหลังประชุมทางไกลกับทีมสาธารณสุข จังหวัดสมุทรสาคร ถึงประเด็นการควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยระบุว่า จากข้อมูลที่ได้รับ สมุทรสาคร มีความพร้อมในการรับมือกับการระบาด โดยเฉพาะการตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อ ซึ่งยังพบเป็นจำนวนมาก เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจเชิงรุก ในพื้นที่ความเสี่ยงสูง ที่มีความสัมพันธ์กับการระบาดที่ผ่านมา เป็นไปตามหลักการควบคุมโรค ซึ่งเป็นมาตรการที่ต้องปฏิบัติ และประเมินไว้อยู่แล้ว ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง โดยต้องขอร้องให้ผู้ประะกอบการดำเนินการตามที่ภาครัฐกำหนดด้วย

สำหรับบุคคลที่แสดงอาการ ภาครัฐได้พาไปรักษา หากไม่แสดงอาการ จะกำหนดสถานที่กักตัวไว้ให้ การตรวจเชิงรุก เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติ สมุทรสาคร คือจุดที่มีการระบาดหนักที่สุด การตรวจก็ต้องเข้มข้นตามไปด้วย เช่นเดียวกับมาตรการควบคุมโรคต่างๆ ต้องทำควบคู่กันไป หลักสำคัญคือการหยุดการสัญจรไปมา เพื่อทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อลดน้อยลง

เมื่อถามถึงเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนโควิด-19 นายอนุทิน กล่าวว่า ข่าวเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพอันเกิดจากการฉีดวัคซีน มาจากสำนักข่าวต่างประเทศ แต่ยังไม่ได้มีการยืนยันความเชื่อมโยงจากหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบด้านนี้อย่างแท้จริง สำหรับประเทศไทย ได้ตั้งคณะกรรมการเข้ามาดูแลเรื่องความปลอดภัยแล้ว รวมไปถึงการจัดสรรวัคซีน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์

“การจะอนุมัติ ใช้วัคซีน ยังเกี่ยวข้องกับการพิจารณาขององค์การอาหารและยารวมไปถึงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เห็นได้ว่ามีหลายหน่วยงานที่บูรณาการเข้ามาดูแลเรื่องความปลอดภัยของวัคซีน จากนี้ ภาครัฐจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจอย่างครบถ้วน และเมื่อมีการอนุมัติใช้ ภาครัฐจะไม่บังคับฉีด แต่จะให้เป็นการตัดสินใจของประชาชน ขอย้ำว่า การอนุมัติใช้ที่จะเกิดขึ้น เป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ได้เป็นการใช้ในเชิงพาณิชย์” นายอนุทิน กล่าว