ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคเผยสถานการณ์โควิดในไทย ล่าสุดรอบ 7 วันที่ผ่านมาที่ต้องจับตา คือ ปทุมธานี และ ตาก เตือนคลัสเตอร์ ตลาดพรพัฒน์ อ.ธัญบุรี ค้าขายจากตลาดหนึ่ง ย้ายไปอีกตลาด ทำกระจายเชื้อ ย้ำใครเกี่ยวข้อง 9-13 ก.พ. เร่งเฝ้าระวังตัวเอง

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 ก.พ.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด19 ว่า ประเทศในเอเชียพบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ทั้งอินเดีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน ญี่ปุ่น บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย โดยประเทศไทยวันนี้มีรายงานติดเชื้อ 166 ราย ติดเชื้อในประเทศ 138 ราย คือจากการเฝ้าระวังและระบบบริการ 49 ราย จากการค้นหาเชิงรุก 89 ราย และ ติดเชื้อจากต่างประเทศ 28 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเฉพาะการระบาดระลอกใหม่ 20,334 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม สำหรับการระบาดระลอกใหม่ในประเทศตามพื้นที่เสี่ยงวันที่ 15 ธ.ค.63-14 ก.พ.64 แบ่งเป็น จ.สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่นๆ โดยในจ.สมุทรสาคร มีอัตราติดเชื้อ 31.88% อย่างไรก็ตาม มีการใช้แผนการควบคุมโรค 3 ระยะ โดยขณะนี้อยู่ระยะการควบคุมโรคในพื้นที่มีการระบาดของโรคสูงในโรงงานต่างๆ หรือที่เรียกว่า บับเบิ้ล แอนด์ ซีล (Bubble and SEAL) แต่ก็มีการเฝ้าระวังคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่รอบๆ โรงงานที่ปิดล้อมเอาไว้ แต่พื้นที่รอบๆ ความชุกของโรคไม่สูง ทำให้สถานการณ์ของโรคสมุทรสาครดูเหมือนควบคุมได้ดี ซึ่งมีผู้ป่วยรายงานวันนี้ 44 ราย ผู้ป่วยในระบบบริการ 33 ราย คัดกรองเชิงรุก 11 ราย โดยคิดอัตราการค้นหาเชิงรุกอยู่ที่ 79.64% มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 15,508 ราย คิดกรองเชิงรุก 12,395 ราย

ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานครอัตราติดเชื้ออยู่ที่ 7.97% วันนี้มีผู้ป่วย 11 ราย คิดอัตราการตรวจเชิงรุกที่ 4.74% โดยมีผู้ป่วยสะสม 923 ราย คัดกรองเชิงรุก 86 ราย ส่วนจังหวัดอื่นๆ อัตราติดเชื้อ 60.14% ผู้ป่วยวันนี้ 83 ราย จากการคัดกรองเชิงรุก78 ราย โดยจังหวัดอื่นๆคิดอัตราการตรวจเชิงรุกอยู่ที่ 15.62% โดยผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,041 ราย จากคัดกรองเชิงรุก 1,441 ราย อย่าไงรก็ตาม การพบผู้ป่วยในประเทศค่อนข้างทรงตัว แหล่งการแพร่ระบาดใหญ่ๆเริ่มลดลง ดังนั้น หากเร่งการค้นหาเชิงรุกในแหล่งพบผู้ติดเชื้อได้เร็ว ก็จะช่วยลดการแพร่กระจายได้

นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ในรอบ 7 วันที่ผ่านมาพื้นที่สมุทรสาคร แนวโน้มพบผุ้ป่วยเริ่มลดลง ส่วนกทม. บางวันเพิ่มบางวันลด แต่ที่ต้องจับตามองคือ จ.ปทุมธานี และจ.ตาก โดยภาพรวมของประเทศในรอบสัปดาห์นี้พบผู้ติดเชื้อ 10 จังหวัด

“กรณีการแพร่ระบาดที่จ.ปทุมธานี ล่าสุดทางผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีได้ออกประกาศสั่งปิดตลาดพรพัฒน์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เนื่องจากพบว่าวันที่ 9-13 ก.พ.64 มีการค้นพบผู้ติดเชื้อกว่า 100 ราย โดยได้มีการตรวจเชิงรุก ซึ่งวันนี้ยังตรวจเชิงรุกอยู่ ทั้งนี้ มีข้อสังเกตคือ พ่อค้าแม่ค้ามีการค้าขายหลายตลาด หลายสถานที่ เวลามีการติดเชื้อก็จะทำให้ไปติดเชื้อจุดต่างๆได้อย่างรวดเร็ว กรณีนี้พบว่า ผู้ป่วยรายแรกค้าขายที่จ.สมุทรสาคร และค้าขายที่ปทุมธานีด้วย ซึ่งมีคำถามว่าทำไมถึงมีการติดเชื้อในตลาด ทั้งที่เป็นอาคารในที่แจ้ง แบ่งเป็นล็อกๆ โดยทีมสอบสวนโรคตั้งข้อสังเกตว่า หลังคาค่อนข้างเตี้ย ตรงกลางอากาศไม่ค่อยถ่ายเท และเวลารับประทานอาหารร่วมกันก็ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย และเวลาอากาศร้อนๆ ก็อาจไม่ใส่หน้ากากอนามัย ตรงนี้ต้องไปสอบสวนโรคเพิ่ม ซึ่งก็อาจต้องมีการพิจารณาเรื่องพื้นที่ อากาศถ่ายเท และต้องเคร่งครัดในการค้าขาย อย่างแม่ค้าแม่ขายย้ายไปขายตลาดอื่น เมื่ออีกตลาดปิดก็เป็นได้ ซึ่งตรงนี้จะมีการสอบสวนโรคเพิ่มเติม” นพ.โอกาส กล่าว

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังพบแม่ค้าแม่ขาย หรือผู้ที่เกี่ยวข้องจากตลาดพรพัฒน์ มีการเดินทางไปยังแหล่งอื่นๆจนมีการติดเชื้อ โดยขณะนี้พบ 182 ราย(วันที่ 9-13 ก.พ.) โดยปทุมธานี 164 ราย นครนายก 7 ราย เพชรบุรี 3 ราย สระบุรี 2 ราย กทม.2 ราย พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง นครราชสีมา และแพร่จังหวัดละ 1 ราย กรณีจ.นครราชสีมา พบเป็นเด็กอายุ 7 ปี มีแม่ประกอบอาชีพที่ตลาดนั้น และติดเชื้อจากแม่ ประกอบกับไปเยี่ยมญาติที่นครราชสีมาก็ทำให้พบการติดเชื้อ ดังนั้น ท่านใดที่สัมผัสกับตลาดพรพัฒน์ หรือกับแม่ค้าแม่ขาย หรือค้าขายเอง ตั้งแต่ช่วง 9-13 ก.พ. หรือก่อนหน้านั้น 7 วัน หรือหากไม่แน่ใจ มีอาการสงสัยให้รีบแจ้งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือสอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 อันนี้สำคัญมาก เพราะหากรีบไปตรวจและพบเชื้อก็จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของโรคได้

นพ.โอภาส กล่าวถึงกรณีจ.ตาก โดยเฉพาะอ.แม่สอด โดยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.-14 ก.พ.64 พบผู้ป่วยสะสม 112 ราย ล่าสุดมีการตรวจเชิงรุกอีกที่ชุมชนตลาดสีมอย และตลาดพาเจริญ และตรวจโรงงานต่างๆ รวมทั้งซุ้มเลี้ยงไก่ชน ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อ 2 ราย ซึ่งข้อมูลยังเชื่อมโยงกับชาวเมียนมา โดยร้อยละ 10.71 เป็นคนไทย และร้อยละ 89.29 เป็นชาวเมียนมา