ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผู้ว่าฯสมุทรสาคร พร้อมคณะแพทย์ศิริราชแถลงการฟื้นตัวกลับคืนจากการรักษาโควิด เผยความในใจ ผู้ว่าฯวีระศักดิ์ ใส่เครื่องช่วยหายใจ 42 วัน

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. เวลา 10.00 น. ที่โรงพยาบาลศิริราช ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล นายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร รศ.นพ.วิศิษฎ์ วามวาณิชย์ ผอ.รพ.ศิริราช รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ และทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย แถลงข่าวผลการรักษาว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หายจากโรคโควิด 19 และอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงในการแถลงข่าวก่อนที่ศ.นพ.ประสิทธิ์ จะร่วมเดินทางด้วยรถยนต์ไปส่งนายวีระศักดิ์ ที่จังหวัดสมุทรสาครด้วยตัวเอง 

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า นายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เข้ารับการรักษาใน รพ.ศิริราช ด้วยโรคโควิด-19 มาตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2563 ถือเป็นผู้ป่วยหนักที่ใส่เครื่องช่วยหายใจนานสุดเท่าที่ศิริราชเคยมีมา คือ 42 วัน แต่ก็กลับมาอาการดีขึ้น จนสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ คณะแพทย์จึงอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ในวันนี้ แต่ขอความกรุณาอย่าเพิ่งลงพื้นที่ เพราะนอกจากเชื้อโควิดแล้วยังกังวลเชื้อโรคอื่นด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนของซิโนแวคให้ท่านผู้ว่าฯ แล้ว และขอความร่วมมือคนอื่นๆ หลีกเลี่ยงอย่าเพิ่งไปเยี่ยมท่าน เพราะอาจจะมีเชื้ออยู่ 

ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จเกิดได้จากการหลายปัจจัย ทั้ง ภาวะสุขภาพเดิมของท่านผู้ว่าที่ค่อนข้างดี การมีระบบส่งต่อดี กระบวนการรักษาดี การที่ รพ.สมุทรสาคร เริ่มยาฟาร์วิพิราเวียร์เร็ว จากการกำหนดขั้นตอนการรักษาพยาบาลโควิดที่ชัดเจน จึงขอประชาชนมั่นใจในการรักษาโรคของประเทศไทยว่ามีประสิทธิภาพ อัตราการเสียชีวิตค่อนข้างต่ำ ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นสิ่งที่เกิดจากการประสานความร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม ช่วงสงกรานต์ขอความร่วมมือคนไทยป้องกันตัว อย่าการ์ดตก เพราะการระบาดกลุ่มก้อนบางแคมีการกระจายหลายพื้นที่   

นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อสื่อมวลชนด้วยน้ำเสียงสั่นว่า ขอขอบคุณ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ คณบดีคณะแพทย์ศิริราชพยาบาล รศ.นพ.วิศิษฎ์ ผอ.รพ.ศิริราช และ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ ที่เป็นเจ้าของไข้ดูแลตนมาโดยตลอด ขอบคุณกำลังใจที่ทุกคนมอบให้ ซึ่งบางท่านอาจเห็นว่า ตนเดินเข้ามาในห้องประชุมอาจยังไม่ค่อยแข็งแรงนัก ต้องมีลูกสาวและอาจารย์นิธิพัฒน์ คอยดูแลช่วยเหลือบ้าง แต่เป็นสิ่งที่บอกอยู่อย่างหนึ่งว่า "เมื่อวันก่อนแย่กว่านี้เยอะตอนผมรู้สึกตัวด้วยตนเอง ยังรู้สึกว่า นี่คือขาของเรา นี่คือแขนของเรา เพราะไม่มีกล้ามเนื้ออะไรเลย ลงมานั่งอยู่ข้างเตียง มีความรู้สึกว่าเหนื่อยมาก" ฉะนั้น วันนี้ที่เดินมาร่วมกับอาจารย์แพทย์ทั้ง 3 ท่านแถลงข่าวได้ ถือว่าดีกว่าที่เป็นมาโดยปกติก่อนหน้านี้มาก ขอบคุณทีมแพทย์ที่ฉุดจากความตาย 

นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ตนอยู่ รพ.ศิริราช รวม 82 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไม่รู้สึกตัวเลย 42 วัน ตนก็แปลกใจว่า เราเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร การได้มารักษาที่รพ.ศิริราชไม่ใช่ว่าตนสนิทสนมกับศิริราชพยาบาล แต่เกิดจากความกรุณาของรพ.ศิริราชพยาบาลที่มีต่อตนเอง รวมถึงคนไข้ที่มีอาการค่อนข้างแย่ อย่างล่าสุดที่เกิดขึ้นในเขตบางแค รพ.ศิริราชพยาบาลก็ยกระดับเตรียมความพร้อมรับผู้ป่วยด้วย เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่ารพ.ศิริราชอยู่เคียงคู่ประชาชนมาโดยตลอด ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่ได้เรียกว่าเป็นผู้ว่าฯ หรือเป็นใคร เพียงแต่ว่าตนอยู่ในช่วงจังหวะที่พอดี ที่รศ.นพ.นิธิพัฒน์ ไปช่วยดูแลสถานการณ์การระบาดของโควิดที่สมุทรสาครพอดี และเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ได้รับเป็นผู้ป่วยในพระบรมราชานุเคราะห์ และได้รับพระราชทานแจกันดอกไม้เยี่ยมเป็นประจำ  

นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ตนคุยกับเพื่อนเล่นๆ ว่าเราว่าทำงานตามที่ต่างๆ ถ้าตรวจโควิดต้องเจอแน่นอน แต่คิดว่าคงไม่เป็นอะไร ใช้เวลา 10 วันก็คงหาย ซึ่งขณะนั้นสมุทรสาครไม่มีที่สำหรับเปิดรพ.สนาม ตนจึงตัดสินเปิดที่จวนผู้ว่าฯ คงไม่มีการต่อต้าน เพราะหาก รพ.สนาม ส่งผลต่อคนที่อยู่ใกล้เคียงจริง คนที่ติดก่อนคงเป็นผู้ว่าฯ แต่เพื่อความไม่ประมาท ถ้าติดเชื้อจริงจะได้ไม่โทษว่าเป็นเพราะรพ.สนาม ตนจึงเข้ารับการตรวจหาเชื้อก่อนตั้งรพ.ประกอบกับช่วงนั้นทำงานหนัก นอนน้อย ภรรยาบอกให้ไปพบแพทย์ ตนก็เลยไปตรวจ ซึ่งผลก็ออกมาว่าติดโควิดจริงๆ แต่ก็ยังคิดว่าเป็น 10 วันน่านจะหาย แต่มันรุนแรงกว่าที่เราคิดและประเมินไว้ 

"อยากบอกกับทุกท่านว่า ความรุนแรงของโควิด19 มันไม่เลือกที่รักมักที่ชัง สามารถเกิดความรุนแรงขึ้นได้ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ไม่สามารถรู้สึกตัวได้ ไม่รู้ตัวเอง 42 วัน จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ วันนี้ผมต้องขอบคุณศิริราชพยาบาล ขอบคุณกำลังใจจากทุกคน ขอบคุณคนไทยทั้งประเทศ ที่ล้วนแต่เป็นกำลังใจให้ผมเอง ขอบคุณแพทย์พยาบาลและบุคลากรสาธารณสุขที่กรุณาให้ความช่วยเหลืออนุเคราะห์ดูแลเป็นอย่างดี ทำให้ผมสามารถกลับมาเดินได้ อาจยังไม่ปกติเพราะต้องใช้เวลา แต่มันดีกว่าที่เราคิดไว้เยอะ ดีกว่าวันที่เรารู้สึกตัวครั้งแรกที่ตกใจ นี่คือแขน นี่คือขาของเรา รู้สึกว่ามันมีกล้ามเนื้อ เราสามารถเดินได้ พูดสื่อสารได้ เชื่อหรือไม่ว่าวันแรกที่ผมรู้สึกตัวผมพูดไม่ได้ เพราะมีท่อช่วยหายใจอยู่ แต่ตอนนี้ออกหมดแล้ว เอาเครื่องพันธนาการทั้งหมดออกหมดแล้ว ชิ้นสุดท้ายเพิ่งเอาออกก่อนเดินทางมาแถลงข่าว คือสายรัดข้อมือที่บ่งบอกว่าเป็นคนไข้ของศิริราช แต่ตอนนี้ไม่เป็นแล้ว อาจารย์ประสิทธิ์จะขู่ยังไง ผมอาจจะกลัวหรือไม่กลัวก็ได้" นายวีระศักดิ์ กล่าว 

นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ความเจ็บป่วยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่สำคัญยิ่ง จะนำเอาบทเรียนเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะสิ่งที่ตนถือว่าเป็นนโยบายของตัวเอง ที่สอดคล้องกับสิ่งเป็นขณะอยู่รพ.ศิริราช คือ "ททท หรือ “ทำทันที" เพราะไม่รู้ว่าจะเสียชีวิตวันไหน เราไม่รู้ว่าจะเจ็บป่วยวันไหน ดังนั้น การที่ตนผ่านมาได้ในช่วงวิกฤต 42 วันที่ไม่รู้สึกตัว เป็นเหมือนเป็นเส้นแบ่ง เส้นขนานความมีชีวิตอยู่กับความตาย ซึ่งห่างกันนิดเดียว เราสามารถที่จะตายเมื่อไหร่ก็ได้ จะมีชีวิตอยู่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่โชคดีที่ตนได้มาอยู่ที่รพ.ศิริราช ซึ่งได้ยินว่าศ.นพ.บอกกับแพทย์ พยาบาลว่า เคสผู้ว่าฯ ถือเป็นการเดิมพันว่าคณะแพทย์ พยาบาลของศิริราชพยาบาลจะสามารถสู้กับโควิด-19 ได้หรือไม่ จึงคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับการศึกษาเรื่องโควิด-19 ต่อไปในอนาคต   

“กลับไปที่บ้านจังหวัดอ่างทอง ก็จะทำงานที่บ้านเป็นหลักเพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหา ผมทราบดีว่าที่สมุทรสาครเดิมเป็นพื้นที่สีแดงจะขยับมาเป็นพื้นที่สีส้ม แต่ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับ ศบค. เหนือสิ่งอื่นใดคือตอนนี้คนสมุทรสาครเดือดร้อนมาก มีความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม วันนี้เราจะต้องกลับไปเยียวยา ต้องเริ่มต้นจากกำลังกาย กำลังใจที่เข้มแข็ง วันนี้กำลังใจเต็มร้อย แต่กำลังกายก็จะเต็มร้อยในเร็ววัน อย่าลืมว่าสมุทรสาคร อาหารทะเลอร่อยอย่าลืมแวะไปทานอาหารทะเลกัน" นายวีระศักดิ์ กล่าว และว่า ตนได้รับกำลังใจมากจากคนทั้งประเทศ จนแปลกใจว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทุกคนต้องการเห็นร่างกายเราพัฒนาที่ดี ดังนั้นจึงคิดว่าจะต้องทำให้เกิดให้ได้ แต่คำตอบอาจจะไม่สมบูรณ์ 100% และสิ่งที่ภูมิใจคือรพ.สนามได้รับการยอมรับว่ามีความสำคัญในการนำคนติดเชื้อมาดูแล แทนที่จะปล่อยให้เดินไป มาตามสถานที่ต่างๆ คือสิ่งสำคัญที่สุดคือสิ่งที่ผมรู้สึกภาคภูมิใจว่าวันนี้เรามาถูกทางแล้วและยืนยัน

นายวีระศักดิ์ กล่าวย้ำว่า จากตนที่ป่วยหนัก จนคิดว่าคนใกล้ตัวคงไม่มีใครรอดจากการติดเชื้อแน่ๆ แต่จะเห็นว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ติดเชื้อต่อจากตน คือภรรยาคู่ทุกข์ คู่ยาก เพราะใกล้ชิดกัน นอนเตียงเดียวกันทุกคืน แต่คนอื่นๆ คนขับรถ เลขาหน้าห้อง ไม่มีใครติดเลย นั่นเป็นเพราะตนสวมหน้ากากตลอด คนใกล้ชิดสวมหน้ากากตลอด ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่ขอถือโอกาสบอกกับทุกคนว่าการสวมหน้ากาก เจลแอลกอฮอล์ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อได้อย่างดี จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา

   

“ปัญหาโควิดทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ เดินหน้าลำบาก การดำรงชีวิตไม่ดีเหมือนก่อน แต่คืออุปสรรคที่บอกกับเราว่าต้องก้าวข้ามมันให้ได้ และเป็นบททดสอบของคนไทยทุกคนว่าจะก้าวข้ามมันไปด้วยกัน และทำให้เราแข็งแกร่ง สุดท้ายกำลังใจคือเรื่องนามธรรม แต่เป็นนามธรรมที่ยิ่งใหญ่มากจับต้องไม่ได้ มองไม่เห็น แต่เป็นความรู้สึกที่เราต้องการมันมาก วันที่ได้ยินเสียงภรรยา ได้ยินเสียงลูกสาว ได้ยินที่ภรรยาอ่านข้อความของลูกสาวเขียนมาให้มันทำให้ผมมีแรงต่อสู้กับโรคร้ายอีกมาก” 

 

ด้าน รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวว่า หลังจากผู้ว่าฯ ติดเชื้อโควิด-19 ทีมรพ.ศิริราช และ รพ.สมุทรสาคร ประเมินร่วมกันและมีความเห็นว่า อาการไม่น่าไว้วางใจ จึงเคลื่อนย้ายท่านมาดูแลที่ รพ.ศิริราช ในห้องไอซียูผู้ป่วยโควิด-19 โดยในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกดูเหมือนอาการปอดอักเสบของท่านดีขึ้น แต่เมื่ออยู่ไปได้ 2 วันก็ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ พอเข้าปลายสัปดาห์ที่ 3 จากนั้นจึงมีการตั้งคณะกรรมการแพทย์มองให้รอบด้าน สุดท้ายจึงตัดสินใจว่าเจาะคอท่านผู้ว่าฯ เพื่อให้หายใจสะดวก   ดูแลรักษาง่ายและลดภาวะแทรกซ้อน  และตรวจสิ่งสืบพิเศษเพื่อยืนยันว่าปอดอักเสบจากโควิด-19 ทุเลาแล้ว แต่สาเหตุที่ปอดอักเสบเพิ่มเกิดจากภูมิต้านทานในร่างกาย จึงให้ยาระงับการอักเสบ และค่อยๆ ได้ผลชัดเจนในที่สุดก็สามารถปลอดภัยในเรื่องของระบบการหายใจ 

 

ทั้งนี้รวมเวลาที่อยู่ในไอซียูโควิด 42 วันและย้ายท่านมาอยู่ที่หออภิบาลทางเดินหายใจ เตรียมการฟื้นฟูการหายใจด้วยตนเองและเตรียมพร้อมร่างกายด้านอื่น ทั้งการรับประทานอาหาร การพูด การเคลื่อนไหว ซึ่งในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่การฟื้นตัวต่างๆ เร็วมาก สามารถเอาท่อช่วยหายใจ สายให้อาหาร ท่อเจาะคอออกได้ ท่านพูดได้ รับประทานอาหารเองทางปาก  เหลือเพียงการฟื้นฟูด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย ส่วนด้านสมองท่านฟื้นกลับมาจำเหตุการณ์ได้ ออกความเห็น มีส่วนร่วมในการพูดคุยได้ จากนั้นจึงย้ายมาอยู่ที่ห้องพิเศษอีก 24 วัน และอนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันนี้  

 

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวว่า ความสำเร็จในการรักษา ทั้งจากสภาวะสุขภาพส่วนตัวของท่าน ที่มีต้นทุนสุขภาพที่ดี แข็งแรงมาก ผ่านระยะวิกฤตที่ใส่ท่อช่วยหายใจ 42 วันได้ ถ้าเป็นคนทั่วไปก็เรียกว่ารากเลือด แต่ท่านก็ผ่านมาได้ นอกจากนี้ยังมีทีมแพทย์ที่เข้าใจและทุ่มเทรักษา ได้กำลังใจจากครอบครัว จากทางบ้านหลายๆ ส่วนซึ่งทำให้หนุนช่วยเรื่องการฟื้นตัว แต่ที่ต้องยกย่องคือความมุ่งมั่นของท่าน หลังจากช่วงวิกฤตมาแล้วผู้ป่วยมุ่งมั่นใจการฟื้นฟูร่างกาย และสมอง ทำให้เราเห็นประจักษ์กันในวันนี้ที่ท่านเดินลงจากรถ เดินเข้ามาด้วยตัวเอง อาจจะช้า เคลื่อนไหวไม่คล่อง แต่วันนี้เราก็ได้คืนปู สู่สมุทรสาครแล้ว อย่างไรก็ตาม ถึงท่านผู้ว่าจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ยืนยันว่าตอนนี้ท่านยังเป็นผู้ป่วยของรพ.ศิริราชดังนั้น ต่ออยู่ที่บ้านก็ยังขอสั่งให้งดเยี่ยมจนกว่าจะมีทีมแพทย์จะมีข้อสรุปสุดท้าย ส่วนการทำกายภาพบำบัด เราจะขอเฉพาะคนที่ปลอดเชื้อโควิค และจะไม่มีการเปลี่ยนคนไปมา

 

นพ.วิศิษฎ์ กล่าวว่า ท่านผู้ว่าฯ ถือเป็นหนึ่งในผู้ป่วยอาการหนักในช่วงของการระบาดโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งที่ผ่านมารพ. ศิริราชมีการเตรียมกลยุทธ์สำหรับรองรับการดูแลผู้ป่วยอาการปานกลาง จะถึงอาการหนัก ทั้งในแง่ของยาเวชภัณฑ์บุคลากรการแพทย์ มีการเพิ่มจำนวนห้องแยกโรคความดันลบอีก และเมื่อวันที่ 18 มี.ค. มีการประชุมด่วน และยกระดับการดูแลผู้ป่วยโควิดอย่างเข้มข้น ดังนั้นขอประชาชนอย่ากังวล แต่ดูแลตัวเองให้ดี เพราะโรคนี้มีการแพร่ระบาดเร็ว โดยเฉพาะสงกรานต์มีความเสี่ยงมาก จึงขอให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สิ่งสำคัญคือการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ  เพราะวันนี้ถึงแม้จะมีการฉีดวัคซีนแล้ว แต่จะต้องรอเวลาให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น จึงต้องดูแลตัวเองให้ดี