ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.แถลงจองฉีดวัคซีนโควิด “หมอพร้อม” 10% จาก 16 ล้านคน เหตุผ่านระบบไลน์ และแอปพลิเคชัน ยังเหลือตัวเลข ตจว. ผ่านอสม.รพ.สต. ขอทยอยให้เสร็จก่อนฉีด 7 มิ.ย. 64 เป็นต้นไป ด้าน กก.พิจารณาแผนกรณีวัคซีนเหลือ ล่าสุดเพิ่มคู่สายปรึกษา “ 02 792 2333” ตั้งแต่ 15 พ.ค. สอบถามได้ 24 ชม.

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 พ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวประเด็น “หมอพร้อม” กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีและ 7 โรคเรื้อรัง เริ่มฉีดวัคซีน 7 มิ.ย.2564 เป็นต้นไป ว่า สำหรับการลงทะเบียนจองวัคซีนโควิด19 ในกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 11.7 ล้านคน และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง(โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง เบาหวาน และโรคอ้วน) 4.3 ล้านคน รวมเป็น 16 ล้านคน ขณะนี้มีการจองคิวสะสมรวม 1,730,526 ราย (ข้อมูลเวลา 14.00 น. วันที่ 11 พ.ค.64) อย่างไรก็ตาม แต่การลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนอยู่ 1.7 ล้านคน หรือประมาณ 10% ของจำนวนคนทั้งหมด เหตุผลอาจเพราะความกังวลในอาการไม่พึงประสงค์ของการฉีดวัคซีน และการเข้าถึงระบบหมอพร้อมผ่านไลน์และแอปพลิเคชันหมอพร้อม ซึ่งผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังอาจยังกระตือรือร้นช้าอยู่ 

ทั้งนี้ การให้วัคซีนแก่สองกลุ่มนี้ก่อน เพื่อรักษาและคุ้มครองชีวิต ยืนยันว่าไม่ได้ละเลยคนกลุ่มอื่น ไม่ว่ากลุ่มอาชีพที่มีความเสี่ยง หรือกลุ่มที่ทำงานด่านหน้า หรือกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดที่จำเป็นด้านเศรษฐกิจที่จัดลำดับไว้ แต่ที่เราเปิดลงทะเบียนหมอพร้อมในสองกลุ่มนี้ ก็สัมพันธ์กับจำนวนวัคซีนล็อตใหญ่ที่จะได้รับช่วงแรก มิ.ย. และ ก.ค.

"วันนี้ผมอยากสื่อสารและกระตุ้นคนไทยทั้งประเทศว่า ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ขอให้คนไทยทุกคนช่วยผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังที่หากติดเชื้อมีความเสี่ยงสูงในการเสียชีวิต ขอให้ทุกคนช่วยพา 2 กลุ่มนี้เข้าถึงระบบหมอพร้อมให้เร็วและมากที่สุด โดยลูกหลานอาจช่วยลงทะเบียนให้ผ่านหมอพร้อม หรือพาไปลงทะเบียนที่ รพ.ใกล้บ้าน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) เพื่อฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด ขอให้ช่วยกันเพื่อรักษาคุ้มครองชีวิตคนสองกลุ่มนี้ ส่วนการฉีดกลุ่มอื่นก็เตรียมงานคู่ขนานไป และอาจจะฉีดได้เร็วตามการจัดหาวัคซีนที่ได้มา ทั้งนี้ การมีวัคซีนไม่สำคัญเท่าการได้ฉีด เพราะถ้ามีแต่ไม่ได้ฉีดก็ไม่มีประโยชน์ เราต้องช่วยคนในบ้าน พาไปรับลงทะเบียนเพื่อให้ได้รับการฉีดเร็วที่สุด" นายสาธิตกล่าว

นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากข้อมูลโรคโควิด19 ผู้ที่อาการหนักและเสียชีวิตส่วนใหญ่คือ กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง นี่คือเหตุผลที่ต้องให้วัคซีนป้องกันโควิดในกลุ่มเสี่ยงนี้ก่อน เพราะประโยชน์จากวัคซีนโดยตรงที่มีการศึกษามา คือ ลดอาการรุนแรง ลดการเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อมูลในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิดของประเทศไทย ขณะนี้มีการใช้เตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 956 เตียง โดยใช้ไปทั้งหมด 85% มีเตียงว่างในภาครัฐ 44 เตียง และเอกชน 95 เตียง นี่เป็นเหตุผลที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน เพื่อช่วยลดความรุนแรงชองโรคจนต้องเข้าไอซียู ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น ซึ่งกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคให้ข้อมูลว่า ปัจจัยเสี่ยงมีโรคประจำตัว 86% และอายุมัธยฐานอยู่ที่ 65 ปี นี่ก็เป็นเหตุผลที่ควรให้วัคซีนกลุ่มนี้ก่อน

“สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตวิเคราะห์ข้อมูล 58% ติดจากคนในครอบครัว หรือญาติมาเยี่ยม หรือจากเพื่อน และอีก 18% ไปในแหล่งชุมชน 5% อาชีพเสี่ยง และอื่นๆอีก ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้เตียงรพ.ไม่ต้องรับโหลดมากขนาดนี้ และป้องกันชีวิตคนในครอบครัว คนที่เรารัก คือ วัคซีน จะลดความสูญเสีย ลดการมานอนใน รพ.ได้อย่างดี ขณะที่ประสบการณ์ต่างประเทศ อย่างอังกฤษ สหรัฐ เห็นได้ว่าหลังการฉีดวัคซีน ตัวเลขการป่วยลดลง นี่คือ จุดที่กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการฉีดวัคซีน”

อย่างไรก็ตาม สำหรับวัคซีนแอสตราเซเนกา จะเป็นวัคซีนหลักในการฉีดให้พี่น้องประชาชนที่จองผ่าน “หมอพร้อม” โดยข้อมูลการศึกษาพบว่า ป้องกันการป่วยได้ถึง 76% เพียงเข็มเดียว และยังลดความเสี่ยงการเสียชีวิตได้ถึง 80% จึงต้องเร่งรัดให้มีการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด แม้วัคซีนจะมีผลข้างเคียง แต่เมื่อเทียบกันแล้วผลข้างเคียงน้อยมาก ประดยชน์มากกว่า แต่เพราะมีการออกสื่อ ออกโซเชียลฯ มาก พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลผลข้างเคียงมากกว่าประโยชน์ จึงทำให้กังวล แต่ขอย้ำว่า วัคซีนจะลดความรุนแรงของโรค ลดการเสียเสียชีวิต ไม่ว่าจะวัคซีนแอสตราฯ หรือซิโนแวค ที่สำคัญยังลดการแพร่โรคได้ด้วย โดยเฉพาะแอสตราฯ พบว่าสามารถลดการแพร่โรคได้ถึง 50% จึงเป็นประโยชน์มากในครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ พ่อแม่ปู่ย่าตายาย อย่างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ยังรับวัคซีนแอสตราฯไม่ได้ หากฉีดในปู่ย่า พ่อแม่ ก็จะช่วยลดการแพร่โรคได้

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยให้พวกเรากลับมาใช้ชีวิตได้ และทำให้ประเทศขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ซึ่งจังหวัดที่ให้ความสนใจและเร่งรัดให้พี่น้องประชาชนมาฉีดวัคซีน อย่างภูเก็ต คิดว่าจะเดินหน้าเศรษฐกิจได้รวดเร็ว หรือแม่สอด หรือสมุทรสาคร อัตราเกิดโรคจะลดลง ดังนั้น จังหวัดที่เร่งรัดฉีดวัคซีนได้มากก็จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น ส่วนผลข้างเคียงมาน้อยมาก และเรามีระบบการดูแลความปลอดภัยหลังการฉีด ซึ่งมีการสังเกตอาการหลังฉีด 30 นาที เพราะอาจมีผลเกิดขึ้น แต่ปัจจุบันไม่มีใครเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน อีกทั้ง เรามีระบบการเยียวยาหากเกิดผลข้างเคียงจากวัคซีน ดังนั้น ขอให้พวกท่านมั่นใจ และชั่งน้ำหนักว่า ประโยชน์มีมากกว่าผลข้างเคียง สิ่งสำคัญเพื่อป้องกันตัวเอง และคนในครอบครัว

ด้าน นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี นายแพทย์ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาระดับกระทรวง กล่าวว่า วันนี้ขอนำเรียน 3 เรื่อง คือ 1. ช่องทางการเข้าระบบ “หมอพร้อม” ซึ่งออกแบบ 2 ช่องทางสำหรับ 2 กลุ่มคน โดยช่องทางแรกสำหรับคนกรุงเทพฯ หรือในเขตเมือง โดยออกแบบหมอพร้อมที่เป็น LINE OA และ แอปพลิเคชัน ส่วนประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัด จะใช้ระบบอะนาล็อก โดยอสม. หรือรพ.สต. ในการคีย์ข้อมูลจองฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งข้อมูลจะมาถึงส่วนกลางทั้งหมด อย่างเขตกรุงเทพฯ จากเป้าหมาย 1.2 ล้านคน มีจองเข้ามาประมาณ 6 แสนคน ส่วนต่างจังหวัดมีตัวอย่างลำปางโมเดล อาศัย อสม. และรพ.สต. คีย์เข้ามาในระบบ ในช่วงสัปดาห์แรกแต่ละจังหวัด โดยอยู่ในช่วง อสม.ออกไปสำรวจ และระหว่างนี้กำลังคีย์ข้อมูลเข้ามาในส่วนกลาง

2. องค์ประกอบของการจองฉีดวัคซีน มี 3 ส่วน คือ ไลน์ หรือแอปพลิเคชัน และระบบจะทำงานก็ต่อเมื่อ รพ. เปิดให้จอง และรพ.ต้องเอาชื่อผู้ป่วยขึ้นด้วย

3.ปัญหาที่พบบ่อยกรณีเลือก รพ.แล้ว แต่จองไม่ได้ สาเหตุหลักคือ กรณีรพ.เอกชน จะให้บริการฉีดวัคซีนให้เฉพาะผู้ป่วยที่เคยรับบริการของรพ.นั้นๆ อาจมีบางแห่งที่อนุญาต อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ กทม. ยังมีคิวว่างให้ฉีดวัคซีนอีก 7-8 แสนคิว

“สำหรับปัญหาที่พบบ่อย คือ บุคลากรที่อยู่ในคลินิกเอกชน ทันตแพทย์ ฯลฯ ในพื้นที่กทม.จะทำอย่างไร ซึ่งให้ติดต่อสำนักอนามัย กทม. ส่วนต่างจังหวัดให้ติดต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และในกรณีบางท่านเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง แต่ไม่สามารถเข้าได้ สามารถให้ทางรพ.ที่ท่านรักษาประจำเพิ่มรายชื่อเข้ามาได้ ส่วนคอลเซนเตอร์ของหมอพร้อม ติดต่อ 02 792 2333 โดยวันพรุ่งนี้(12 พ.ค.) เราจะเพิ่มเป็น 100 คู่สาย และตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.จะสามารถติดต่อได้ 24 ชั่วโมงและจะเพิ่มเป็น 160 คู่สาย ” นพ.พงศธร กล่าว

นพ.พงศธร กล่าวถึงกรณีประชาชนสอบถามว่านับอายุ 60 ปีอย่างไร ว่า ระบบเซ็ตไว้ว่า ผู้ที่เกิดวันที่ 1 ม.ค. 2505 เป็นต้นไป หรืออายุประมาณ 59 ปี 1 วันก็สามารถลงทะเบียนได้แล้ว

เมื่อถามว่าจำนวน 16 ล้านโดสถ้าเหลือจะปรับให้กับกลุ่มอื่นๆเพื่อมารับการฉีดวัคซีนโควิดอย่างไร นพ.พงศธร กล่าวว่า ข้อมูลช่วงแรกที่เข้ามาเป็นกลุ่มที่เข้าถึงเทคโนโลยี และลูกหลานจองให้ ขณะที่ต่างจังหวัดไม่ได้ใช้เทคโนโลยี แต่จะมีอสม. และทางรพ.สต. จึงขอเวลาให้คนกลุ่มนี้ในการเข้าถึงก่อน ไม่เช่นนั้นจะทิ้งพวกเขาไว้ทีหลัง จึงขอเวลาในการที่ทางต่างจังหวัดกำลังทยอยข้อมูลเข้ามา แต่หากเวลาผ่านไปและวัคซีนยังเหลือ ทางคณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณาไว้แล้ว