ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“อนุทิน” เผยวันนี้ (18 มิ.ย.) กรมควบคุมโรคตรวจรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 ล้านโดส พร้อมกระจายพื้นที่ ชี้สัปดาห์หน้าคาดเข้ามาอีก 1 ล็อต ส่วนซิโนแวค เข้าอีก 2 ล้านโดส 24 มิ.ย. นี้ ย้ำ! เดือนนี้ หรือเดือนหน้า วัคซีนไม่ขาด เป็นไปตามเป้าของประชากรไทย ส่วนประเด็นเปิดประเทศ 120 วัน ยังต้องกักตัว 14 วัน

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่าวันนี้ (18 มิ.ย.) ได้รับมอบวัควีนแอสตร้าเซนเนก้าเพิ่มอีก 1 ล้านโดส มีการตรวจสอบ คัดแยก เรียบร้อย และกระจายไปยังทั่วประเทศภายในบ่ายวันนี้ ไม่เกินวันที่ 19 มิ.ย. ทั้งนี้ย้ำว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ยังไม่มีอะไรที่ไม่เป็นไปตามแผน ที่กรมควบคุมโรคได้ไปหารือร่วมกับทางบริษัท ซึ่งสัปดาห์หน้าวัคซีนของแอสตร้าฯ ก็จะส่งมอบอีกอีก 1 ล็อต และส่งให้ทุกสัปดาห์ ส่วนซิโนแวค จะเข้ามาอีก 2 ล้านโดส ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อดูทิศทางการส่งวัคซีนแอสตร้าฯ 2 ล็อต ที่ผ่านมาประมาณ 2 ล้านโดส และอีกกว่า 1.6 ล้านโดสนี้แปลว่ามีสัญญาณที่จะส่งมาสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านโดส และในเดือน มิ.ย.อาจจะถึง 6 ล้านโดสหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็เป็นข้อตกลงระหว่างแอสตร้าฯ กับกรมควบคุมโรค รมว.เป็นเพียงผู้สนับสนุน และการกระจายก็เป็นหน้าที่ของกรมควบคุมโรค ตามแผน ศบค. แต่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ไม่น้อยไปกว่าเดิม เมื่อถามย้ำว่า สัปดาห์หน้าจะเข้ามาถึง 5 แสนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “หากเข้ามามากกว่านี้ นักข่าวจะเลี้ยงข้าวผมหรือไม่”

“จริงๆ เดือนนี้โอเค เดือนหน้าก็โอเค ไม่ขาดหรอกวัคซีน วัคซีนฉีดได้ตามเป้าของประชากรไทย วันนี้ศบค.รับทราบแล้วว่าเรามีวัคซีน 105 ล้านโดส และทางกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค ก็ขอ ศบค.ในการจัดซื้อเพิ่มอีก ให้ครบ 150 ล้านโดส สำหรับปีหน้าด้วย” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับการเปิดประเทศ 120 วัน ข้างหน้า ก็ต้องประเมินเป็นระยะๆ เพราะเราต้องดูทั้งเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และการทำมาหากินของประชาชนด้วย ซึ่งย้ำว่าคนที่เข้ามาก็จะต้องฉีดวัคซีนครบตามสรรพคุณของวัคซันชนิดนั้นกำหนด หากกำหนดให้ฉีด 2 เข็ม ก็ต้องฉีดให้ครบ 2 เข็ม ถ้าชนิดให้ฉีด 1 เข็ม ก็ฉีด 1 เข็ม แต่ต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รับรอง ทั้งนี้ ย้ำว่าเข้ามาแล้วก็กักตัว 14 วัน

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org