ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรรมการแพทยสภา เผยกรณีกระแสข่าวรายงานข่าวแพทยสภาอ้างนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์คืบหน้า! เตรียมเซ็นสัญญานำเข้าไทยภายในเดือน ก.ค. นี้ 5 ล้านโดส ว่า ข้อเท็จจริงแพทยสภาไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องดีลวัคซีน

จากกรณีมีรายงานข่าวว่า แหล่งข่าวจากแพทยสภา ระบุถึงความคืบหน้าการนำเข้า "วัคซีนไฟเซอร์" ว่า ตรวจสอบเอกสารสัญญาระหว่างกันและลงนามเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว เตรียมดำเนินการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการในอีก 1-2 วันข้างหน้า โดยวัคซีนไฟเซอร์จะเข้ามาในประเทศไทยภายในเดือนกรกฏาคมนี้ 5 ล้านโดส และจะทยอยเข้ามาทุกๆ สัปดาห์ จนครบจำนวน 40 ล้านโดส นั้น

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อำนาจ กุสลานันท์ กรรมการแพทยสภา อดีตนายกแพทยสภา เปิดเผยว่า แพทยสภาไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการนำเข้าวัคซีน เพราะไม่ได้เป็นหน่วยงาน 1 ใน 5 ที่ถูกระบุไว้ในราชกิจจานุเบกษา เรื่อง เรื่องแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และการจัดหาวัคซีนนั้น ไม่ใช่พันธกิจของแพทยสภา แพทยภา ไม่ใช่หน่วยงานรัฐเป็นเพียงนิติบุคคล หน่วยงานอิสระ ที่ได้รับงบประมาณจากรัฐเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในดีลนำเข้าวัคซีนดังกล่าว

ทั้งนี้ ราชกิจจานุเบกษา ระบุเรื่อง เรื่องแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ลงวันที่ 8 มิ.ย. 2564 ได้ระบุถึงการอนุญาตให้ 5 หน่วยงานหลักมีสิทธิในการนำเข้าวัคซีนต้านโควิด-19 ได้อย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย 1) กรมควบคุมโรค 2) องค์การเภสัชกรรม 3) สถาบันวัคซีนแห่งชาติ 4) สภากาชาดไทย และ 5) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หรือ หน่วยงานอื่นของรัฐ

ด้านแหล่งข่าวระดับสูงในแวดวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าดีลของเอกชนรายนี้เป็นอย่างไร แต่ทราบว่านโยบายการนำเข้าวัคซีนทางเลือกยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงคือ วัคซีนทางเลือกต้องไม่ซ้ำกับวัคซีนที่ภาครัฐจัดหา ยกเว้นว่าทางบริษัทไฟเซอร์จะเปลี่ยนนโยบายว่าจะขายตรงให้เอกชนได้ อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามไปทางบริษัทไฟเซอร์ เมื่อช่วงบ่ายๆ วันนี้ (18 ก.ค.) ก็ได้รับคำตอบว่าทางบริษัทยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายว่าในระยะนี้ยังเป็นการขายผ่านรัฐเท่านั้น และจากการตรวจสอบผู้นำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ในประเทศได้ก็ยังมีเพียงเจ้าเดียวคือ บริษัทไฟเซอร์ ประเทศไทย ยังไม่มีการเพิ่มรายชื่อผู้นำเข้าวัคซีนไฟเซอร์รายอื่น