ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เผยพ่อแม่ผู้ปกครองฉีดวัคซีนก่อน ส่วนลูกความเสี่ยงยังไม่สูงเท่าผู้ใหญ่ ขณะที่วัคซีนเด็กมีการติดตามความปลอดภัยทุกชนิด พร้อมออก 5 ข้อแนะนำ

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2564 ศ.นพ.สมศักดิ์ โลห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ราชวิทยาลัยฯ ได้ออกแถลงการณ์ โรคโควิด-19 ในเด็ก (ฉบับที่ 2/2564) วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับเด็ก เพื่อลดความตระหนักในผู้ปกครอง เนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อโควิด -19 ในเด็กยังไม่สูงเท่าผู้ใหญ่ โดยพบเด็กติดเชื้อ 12-13 % และ อัตราการเสียชีวิต 0.03 % ทั้งนี้เพื่อลดความตระหนกในผู้ปกครอง เพราะพ่อแม่รักลูก ย่อมอยากให้ลูกได้รับวัคซีน เป็นเครื่องป้องกัน ยิ่งวัคซีนมีน้อย ก็อยากจะเสียสละให้ลูก แต่หลักฐานทางวิชาการชัดเจนว่า อัตราการแพร่เชื้อในเด็กน้อย เด็กกับเด็กติดเชื้อกันเองแทบไม่มี เด็กไม่ใช่ตัวแพร่เชื้อ ส่วนใช้การติดเชื้อในเด็กเกิดจากการติดในครอบครัว รับเชื้อจากผู้ใหญ่

“ดังนั้น ผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดเด็กต้องรับวัคซีน ทั้งพ่อแม่ ครู ส่วนเด็กที่มีโรคประจำตัว อ้วน เบาหวาน หรือ ที่ป่วยติดเตียง เหล่านี้ต้องรับวัคซีนเพื่อป้องกันอาการรุนแรงเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ไม่เป็นจำเป็นเด็กติดเชื้อไม่รุนแรง และไม่นานก็หายเป็นปกติ ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อโควิดในขณะที่มีการล็อกดาวน์ในหลายกิจกรรม มองว่า ต้องรอดูสถานการณ์ไปอีกระยะหนึ่ง มากกว่า 2 สัปดาห์ จนถึง 1 เดือน ถึงเวลานั้นหากคุมสถานการณ์ดี ก็จะส่งผลให้ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อลดลง” ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าว

สำหรับแถลงการณ์ โรคโควิด-19 ในเด็ก (ฉบับที่ 2/2564) วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับเด็ก ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ระบุว่า ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 และการกลายพันธุ์ของไวรัสทำให้มีการแพร่อย่างรวดเร็วของสายพันธุ์เดลตาในประเทศไทย ขณะนี้พบมีรายงานการติตโรคโควิด-19 ในผู้ป่วยเด็กเพิ่มสูงขึ้นกว่าการระบาดในระลอกหนึ่งและระลอกสองอย่างมาก จากข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขตั้งแต่ 1 เมษายนถึง 15 มิถุนายน 2564รายงานผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปีติดโรคโควิด-19 สะสมจำนวน 13,608 รายจากผู้ป่วยติดเชื้อทุกอายุ 173,401 ราย คิดเป็นผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กร้อยละ 7.8 ของผู้ติดเชื้อทุกกลุ่มอายุ มีผู้ป่วยเด็กเสียชีวิต 4 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 0.03 ทั้งหมดเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว และเมื่อติดตามข้อมูลจนถึง 13 กรกฎาคม 2564 พบผู้ป่วยเด็กติดเชื้อเพิ่มอย่างรวดเร็ว เป็น 33,020 ราย (รูปที่ 1)

โดยมีอัตราส่วนของเด็กติดเชื้อสูงขึ้นเป็นร้อยละ 13.2 ของผู้ติดเชื้อทุกกลุ่มอายุ การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเด็กติดเชื้อโควิด-19 ในระยะ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนถึงการระบาดในชุมชนและครอบครัวที่ยังควบคุมไม่ได้และมีแนวโน้มที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดีพบว่าผู้ป่วยเด็กส่วนใหญ่ติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ประดทศไทย :เด็กติดเชื้อโควิด-19 (อายุ 0-18 ปี) รายใหม่ รายสัปดาห์ ตั้งแต่ 1 เมษายน 2584 ถึง 13 กรกฎาคม 2564 ยอดสะสม =33,020 ราย (ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข)

ในขณะนี้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีข้อมูลรองรับถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปมีเพียงชนิดเดียว ได้แก่ วัคซีนชนิด mRNA ของไฟเซอร์ ซึ่งได้รับการรับรองให้ใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่10 พฤษภาคม 2564 อย่างไรก็ตาม มีรายงานการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบภายหลังการฉีดในอัตราที่ต่ำมาก (8 ต่อ 1,000,000 คนที่ฉีด) ภายหลังจากได้รับวัคซีนในไม่กี่วัน ซึ่งมักพบในเพศชายอายุน้อยกว่า 30 ปี และพบหลังการฉีดเข็มสองมากกว่าเข็มแรก ผู้ป่วยส่วนใหญ่หายกลับคืนมาใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์นี้และติดตามข้อมูลต่อเนื่องอย่างใกล้ชิด วัคซีนนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การอาหารและยาประเทศไทยให้ใช้ในอายุ 12 ปีขึ้นไป เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2564 การนำเข้ายังอยู่ในระหว่างตำเนินการ

สำหรับวัคซีน Sinovac แม้จะมีการใช้ในประเทศจีนในเด็กอายุ 3 ถึง 17 ปี จากการศึกษาวิจัยในระยะ I /lI พบว่ากระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี แต่ยังไม่มีข้อมูลเรื่องของประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็กกลุ่มนี้

ในขณะนี้ยังมีการศึกษาวิจัยวัคซีนอีกหลายชนิดในผู้ป่วยเด็กในกลุ่มอายุต่าง ๆ ลงไปจนถึงอายุหกเดือน ซึ่งน่าจะมีข้อมูลต้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยออกมาเพิ่มเติมในอีกไม่นานนี้

ในภาพรวมยังพบการติดโรคโควิด-19 ในเด็กน้อยกว่าผู้ใหญ่ และผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 มักไม่รุนแรง ดังนั้น ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยจึงมีความเห็นสอดคล้องกับองค์การอนามัยโลก โดยที่ยังไม่จัดให้เด็กปกติที่มีสุขภาพดีเป็นกลุ่มที่มีลำดับความสำคัญในอันดับต้นในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในขณะนี้

คำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยในขณะนี้ มีดังต่อไปนี้

-ยังไม่แนะนำวัคชีน โควิด-19 สำหรับเด็กทั่วไปที่แข็งแรงดีในขณะนี้จนกว่าจะมีวัคซีนที่มากขึ้น และมีข้อมูลเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเด็กเพิ่มเติม

- แนะนำให้ฉีดวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองให้ใช้ในเด็ก ในกรณีผู้ป่วยเด็กที่มีมีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงของโรคโควิด19 ที่รุนแรง เช่น โรคอ้วน โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และโรคเบาหวาน เป็นต้น

- แนะนำให้ผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดรับวัคซีน

- แนะนำให้สร้างวินัยในการป้องกันตัวเอง เช่น สวมหน้ากาก ล้างมือเว้น ระยะห่างให้แก่เด็กในทุกวัยและหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศไม่ถ่ายเท

- แนะนำให้ผู้ปกครอง ทำงานที่บ้าน งดการเยี่ยมเยียนจากบุคคลภายนอก

ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ขอสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชนอย่างเข้มงวด และการให้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงแก่ผู้ใหญ่ เพื่อคุ้มครองเด็ก ซึ่งยังไม่ได้รับวัคซีนในขณะนี้