ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

อธิบดีกรมวิทย์ ขอปชช.เชื่อมั่นทีมทำงาน พร้อมรับคำแนะนำที่มีประโยชน์ แต่ข้อแนะนำบางอย่างแบบเปิดถ้วยแทง เห็นแล้วมาวิจารณ์อาจไม่เป็นธรรม หนำซ้ำยังมีสารพัดคำบั่นทอน เมื่อสิ่งนั้นไม่ประสงค์ให้เป็น ท่านจะโยงข้อหาเรื่องการทุจริต การมีเงินทอน ซึ่งไม่เป็นธรรมกับคนทำงาน ย้ำ! กระทรวงฯ ตรวจสอบได้ ไม่มีการทุจริตเด็ดขาด

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 ก.ค. 2564 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวประเด็นวัคซีนโควิด-19 ผ่านระบบออนไลน์ (FB:กระทรวงสาธารณสุข) ว่า เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมา มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทำงานเกี่ยวกับวัคซีน ซึ่งเราเข้าใจ เพียงแต่ข้อมูลบางอย่างที่พูดกันทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน เช่น ไม่มีระบบกลไกจัดหาวัคซีน ทำงานไม่มีระบบ อยากเอาวัคซีนอะไรก็เอามา วัคซีนมีคุณภาพ ไม่มีคุณภาพ สารพัดการพูด จึงอยากขออธิบายชี้แจงว่า กลไกการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างไร เพื่อให้เข้าใจตรงกัน เพราะท่านที่วิพากษ์วิจารณ์โดยมีข้อมูลน้อย ข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้บางท่านวิพากษ์วิจารณ์แล้ว หรือที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ หรือคนในโซเชียลยิ่งเข้าใจคลาดเคลื่อนไปใหญ่ และหลายเรื่องไม่ค่อยเป็นธรรมกับผู้ทำงาน เมื่อสิ่งที่เราดำเนินการ และไม่เป็นสิ่งที่ท่านคาดหมาย หรือประสงค์ให้เป็น ท่านจะโยงข้อหาเรื่องการทุจริต การมีเงินทอน ซึ่งไม่เป็นธรรม ขอยืนยันว่าภายใต้การกำกับดูแลของท่านรองนายกรัฐมนตรี การทำงานของกระทรวงฯ ตรวจสอบได้ ไม่มีการทุจริตเด็ดขาด

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า หลายฝ่ายบอกว่า เมื่อมีการเจรจา ทำไมไม่เปิดผลเจรจาทุกนัด ขอเรียนว่า การเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนใดก็ตาม จะมีสิ่งที่ต้องตกลง คือ เป็นสัญญาที่จะไม่เอาข้อความที่เจรจาไปเปิดเผย เนื่องจากมีผลมากมาย หากเอาข้อมูลที่ได้จากเจรจาไปเปิดเผยทุกนัด จะเกิดผลเสีย และจะเลิกเจรจากับเรา ซึ่งหลายคนในแวดวงจะเข้าใจ ที่สำคัญการเปิดเผยผลเจรจาที่ว่าออกไป หลายกรณีเกิดผลร้าย ยกตัวอย่าง การมีเคสระบาด โดยเราขอให้ทางแอสตร้าฯ ไปจัดหาวัคซีนจากแหล่งผลิตอื่นมาให้เราก่อน ตอนนั้นทุกคนคงจำได้ว่าเรารอไม่ได้ ในเดือน พ.ย. ธ.ค. ซึ่งมีเคสระบาดรอบสอง เขาก็ไปตัดยอดให้จากยุโรป เมื่อมีข่าวนี้ออกไป ทางยุโรป ก็สั่งห้ามโรงงานไม่ให้ส่ง เราก็ไม่ได้ในล็อตนั้น นี่คือตัวอย่างอย่างเป็นธรรมธรรมที่เราต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติให้มากที่สุด

อธิบดีกรมวิทย์ กล่าวอีกว่า กลไกของกระทรวงสาธารณสุขใช้ดำเนินการมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือ กลไกตามกฎหมาย เรามีพ.ร.บ.วัคซีนฯ เรามีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เรามีพ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มีคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ภายใต้กลไกต่างๆก็เกี่ยวข้องกับการจัดหาวัคซีนทั้งทางตรงและทางอ้อม การจะดำเนินการอะไรก็ต้องมีการพิจารณาตามคณะกรรมการที่ว่า

ขณะเดียวกันยังมีกลไกส่วนที่สอง คือ กลไกในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งคณะกรรมการฯ ที่มีปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีกรรมการที่เกี่ยวข้องต่างๆ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม(อภ.) สถาบันวัคซีนแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) และมีคณะทำงานภายใต้คณะกรรมการชุดนั้นอีก 2 คณะ โดยคณะหนึ่งเจรจาวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และอีกคณะเจรจาวัคซีนในส่วนของโคแวกซ์ (COVAX) ซึ่งขณะนี้ โคแวกซ์ยังไม่ได้ทิ้ง ยังเจรจาต่อมา นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการของอาจารย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร พิจารณาเรื่องวัคซีนทางเลือกด้วย

นพ.ศุภกิจ กล่าวอีกว่า วัคซีนไม่ใช่ของทั่วไป ไม่ใช่สินค้าหาได้โดยง่าย และปัจจุบันตลาดยังเป็นของผู้ขาย ซึ่งผู้ขายมีสิทธิกำหนดต่างๆ การผลิตไม่เพียงพอ แม้กระทั่งโคแวกซ์ ที่มีคนบอกว่าทำไมเราไม่เข้า วันนี้ก็ยังซัพพลายด์วัคซีนไม่มากเท่าที่วางแผน คือ พลาดเป้าไปค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทั้งการกลายพันธุ์ ทำให้สิ่งที่วางแผนต้องมีการปรับเปลี่ยน และเจรจาหลายฝ่ายตลอดเวลา ดังนั้น กลไกที่มีมีความเข้มแข็งมากพอในการดำเนินการ เพื่อให้ได้วัคซีนมาถึงคนไทยมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

“ขอให้เชื่อมั่นในทีมที่ทำงาน เราทำงานบนหลักฐานข้อมูลวิชาการ ข้อแนะนำใดๆก็ตาม ที่ท่านมีให้ในทางที่เป็นประโยชน์เราน้อมรับ แต่ข้อแนะนำบางอย่างที่แบบเปิดถ้วยแทง คือ เห็นแล้วว่าเกิดอะไรแล้วมาวิจารณ์ อาจไม่เป็นธรรม จึงต้องนึกถึงวันที่ตัดสินใจล่วงหน้า หลายเรื่องไม่อาจคาดการณ์ได้ในบางเรื่อง ยกตัวอย่าง เช่น การโจมตีวัคซีนซิโนแวค หากเดือน ก.พ. มี.ค.ไม่มีวัคซีนฉีดให้ประชาชนจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งวันนี้พิสูจน์แล้วว่า ซิโนแวค 2 เข็มลดอาการรุนแรง ไม่เสียชีวิต จึงขอให้ทุกท่านพิจารณาอย่างถ้วนถี่ พวกเราพร้อมทำงานหนักเพื่อให้ได้วัคซีนเข้ามาเท่าที่เป็นไปได้” นพ.ศุภกิจ กล่าว