ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.รายงานสถานการณ์โควิดอาการหนักมีปอดอักเสบ 5,615 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,172 ราย อยู่ในกทม. 362 ราย เผยข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. -14 ส.ค. 64 มีผู้เสียชีวิต 6,758 ราย โดยอายุ 60 ปีขึ้นไปพบถึง 68%

เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 15 ส.ค. 2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค(คร.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 ผ่านระบบออนไลน์ ว่า วันนี้ติดเชื้อเพิ่ม 21,882 ราย หายป่วยกลับบ้าน 21,106 ราย นอกจากการติดตามการติดเชื้อใหม่ ยังต้องพิจารณาผู้ป่วยที่มีอาการหนัก เพราะการติดเชื้อจำนวนมาก แต่คนที่มีอาการมากจนถึงขั้นเข้าไอซียู และเสียชีวิตจะบอกแนวโน้มสำคัญ โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยที่มีปอดอักเสบ 5,615 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 1,172 ราย โดยอยู่ในกทม. 362 ราย

ส่วนตัวเลขเสียชีวิตวันนี้ 209 ราย สะสม 7,458 ราย คิดเป็น 0.85% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขค่าเฉลี่ยของโลก ขณะที่ตัวเลขเสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 อยู่ที่ 7,552 ราย คิดเป็น 0.83% ขณะที่ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 907,157 ราย

“ส่วนรายละเอียดการเสียชีวิต 209 ราย อยู่ในกทม. 83 ราย ขณะที่ 5 จังหวัดปริมณฑล 58 ราย ซึ่ง 2 ส่วนนี้รวมกัน 141 ราย เป็นส่วนใหญ่ของตัวเลขรวมทั้งประเทศ ผู้เสียชีวิตเป็นชาย 117 ราย หญิง 92 ราย โดยอายุค่ากลาง 68 ปี และในอายุ 60 ปีขึ้นไปมี 137 รายคิดเป็น 66% ส่วนอายุน้อยกว่า 60 ปีจะมีโรคเรื้อรัง 48 รายหรือ 23% ซึ่งสองกลุ่มนี้รวม 89% นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องย้ำให้กลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีน ขณะที่ตั้งครรภ์มี 2 ราย พบ 1% ในจ.ร้อยเอ็ด และจ.ศรีสะเกษ ส่วนปัจจัยเสี่ยงโรคประจำตัว จะมีโรคไต เบาหวาน น้ำหนักตัวเกิน” นพ.เฉวตสรร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. -14 ส.ค.2564 ข้อมูลจากกองระบาดวิทยา พบว่ามีผู้เสียชีวิต 6,758 ราย โดยกลุ่มอายุ 60 -69 ปีมี 24% อายุ 70 ปีขึ้นไป 42% โดยรวมอายุ 60 ปีขึ้นไปพบถึง 68%

นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกติดเชื้อสะสม 207,446,049 ราย เสียชีวิต 4,365,961 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังพบสหรัฐสูงสุด วานนี้พบสูงถึง 44,660 ราย รองลงมาคืออินเดีย พบติดเชื้อรายใหม่ 36,127 ราย อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศที่มีการฉีดวัคซีนค่อนข้างกว้างขวาง ก็ยังมีการติดเชื้อรายใหม่ค่อนข้างมาก แต่ผลจากวัคซีนทำให้อาการรุนแรง และเสียชีวิตค่อนข้างน้อยลง ซึ่งการติดตามสถานการณ์ต้องติดตามต่อเนื่อง สำหรับอัตราการป่วยและอัตราการเสียชีวิตพบว่า สหรัฐอเมริกา ยังพบอัตราการป่วยต่อประชากรล้านคนสูงถึง 112,362 ราย รองลงมาอังกฤษ 91,397 ราย ส่วนไทย 12,960 ราย ส่วนอัตราเสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้านคน เป็นอังกฤษ 1,917 ราย รองลงมาสหรัฐ 1,913 ราย ส่วนไทยอยู่ที่ 108 ต่อล้าน

เมื่อถามว่าผู้ป่วยที่รักษาโควิด 10 วัน แต่กลับมาในชุมชนจะเสี่ยงหรือไม่ เนื่องจากประชาชนในชุมชนยังกังวล นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สำหรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยมาจากคณะผู้เชี่ยวชาญทุกฝ่าย ซึ่งยังยึดครบ 14 วันนับจากวันเริ่มป่วยวันแรก ดังนั้น หากเริ่มป่วยไปรักษาในรพ.14 วัน แต่อาการดีขึ้นประมาณ 10 วันก็สามารถกลับมารักษาต่อที่บ้านจนครบ 14 วันได้ แต่เมื่อครบ 14 วันก็ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ เหมือนเช่นเดิม ส่วนที่ระบุว่าต้องตรวจให้เจอว่ามีเชื้อหรือไม่ แนวทางชัดเจนว่าไม่ได้แนะนำว่าต้องตรวจ เพราะการตรวจอาจเจอซากเชื้อปริมาณน้อยๆได้ สิ่งสำคัญต้องยึดมาตรการนิวนอมอลเช่นเดิม

อ่านข่าวเกี่ยวข้อง :

วัคซีนโควิดฉีดกว่า 23 ล้านโดส “ซิโนแวค” มากสุด รองมา “แอสตร้าฯ”