ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรคเผยสถานการณ์โควิด19 ภาพรวมไทยแนวโน้มลดลง แต่ยังต้องเข้มมาตรการควบคุมป้องกันโรค ขณะที่ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 35 ล้านโดส ไม่มีการเสียชีวิตจากวัคซีนโดยตรง ขณะที่ฉีดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปแล้ว กว่า 5 ล้านคน หลายจังหวัดฉีดแล้วกว่าร้อยละ 50

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 ก.ย. 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ประเด็น : ยืนยันประสิทธิผลวัคซีนทุกชนิดที่ใช้ในประเทศไทย โดย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า วันนี้ทั่วโลกติดเชื้อสะสมกว่า 220 ล้านคน ประเทศสหรัฐมากที่สุดโดยในรอบ 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 182,593 คน ผู้เสียชีวิตวันเดียวอยู่ที่ 1,512 คน ทั้งที่ประเทศสหรัฐฉีดวัคซีน โดยเฉพาะวัคซีนmRNA ค่อนข้างมาก แม้วัคซีนะจเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันโรค แต่ก็ต้องมีมาตรการอื่นๆ โดยเฉพาะความร่วมมือของทุกคน ส่วนผู้เสียชีวิตทั่วโลกรอบ 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 9,441 คน ส่วนตัวเลขเสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 4,566,961 คน การระบาดยังพบในอินเดีย บราซิลและยุโรป

สำหรับประเทศไทยติดเชื้อวันนี้ 15,942 คน ผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 257 คน หากดูแนวโน้มอยู่ในช่วงจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง แต่ยังมีสิ่งที่ต้องระมัดระวัง และติดตามการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนอดทนในการใช้มาตรการการป้องกันต่างๆที่มีคำแนะนำออกไป รวมถึงท่านที่อยู่ในเกณฑ์รับวัคซีน ขอไปรับตามกำหนด

ทั้งนี้ กราฟแผนที่ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาพบว่า ผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง มีแนวโน้มที่ดีในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งการระบาดส่วนใหญ่ยังอยู่ที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง และบางจังหวัดของภาคใต้ แม้ภาพรวมสถานการณ์จะดีขึ้น แต่การจัดระบบการเฝ้าระวัง การสอบสวนโรค การค้นหาผู้ป่วยยังเป็นมาตรการสำคัญ แต่ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน แม้พื้นที่ท่านจะมีผู้ติดเชื้อน้อยก็ต้องระมัดระวัง และขอให้ติดตามคนจากพื้นที่เสี่ยงเข้าพื้นที่

ขณะที่ผลการฉีดวัคซีนโควิด19 จนถึงวันที่ 3 ก.ย.เวลา 18.00 น. ฉีดไปแล้ว 35,218,164 โดส และในรอบ 24 ชั่วโมงมีการรายงานฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น 925,627 โดส ถือเป็นรอบวันสูงที่สุด เฉียดล้านแล้ว โดยคนที่รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม มีจำนวน 24,918,054 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 34.6 ส่วนคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มจำนวน 9,698,842 คน หรือร้อยละ 13.5

สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ให้ความสำคัญในการฉีดวัคซีนมากที่สุด คือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ขณะนี้ฉีดไปแล้ว 5,184,819 คน หรือร้อยละ 47.5 ซึ่งบางจังหวัดฉีดได้ดีมาก เช่น กรุงเทพฯ ปทุมธานี สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี สมุทรปราการ ฉีดได้เกินร้อยละ 50 บางจังหวัดเกือบถึงร้อยละ 70 จึงขอให้ลูกหลานพาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีน แต่ก็มีหลายจังหวัดที่ผู้สูงอายุไม่กล้าไปฉีดวัคซีน ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ข่าวสารทำให้เกิดความกลัว การด้อยค่าวัคซีน แต่ยืนยันว่า เราฉีดไปแล้ว 35 ล้านโดสไม่มีรายใดเสียชีวิตจากวัคซีนโดยตรง ซึ่งกระทรวงฯ มีระบบติดตามทั้งประสิทธิภาพ คุณภาพ ความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

“ภาพรวมแนวโน้มลดลง แต่ยังต้องคงมาตรการเฝ้าระวัง ควบคุม และมาตรการส่วนบุคคล โดยเฉพาะการป้องกันส่วนบุคคลสูงสูดในทุกที่ทุกเวลา แม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการ เช่นการเปิดร้านอาหาร ซึ่งต้องขอให้เคร่งครัดการดำเนินการ ทั้งผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการ แม้ตอนนี้เรายังไม่ได้บังคับการฉีดวัคซีน การใช้ ATK แต่ขอความร่วมมือตรงไหนทำได้ ขอความร่วมมือเพื่อทำเป็นมาตรฐานในการใช้ชีวิตต่อไป” นพ.โอภาส กล่าว