ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“โรคต่อมลูกหมากโต” เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ชายที่เข้าสู่วัยสูงอายุ ข้อมูลจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ระบุว่าพบได้ถึง 50%  เพศชายช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ส่วนช่วงอายุ 60 ปีขึ้นพบได้ถึง 70% และช่วงอายุ 85 ปีขึ้นไป สามารถพบได้สูงขึ้นถึง 90%

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มาพบแพทย์จะอยู่ในวัย อายุ 50 ปีขึ้นไป มักจะที่มีอาการปัสสาวะไม่พุ่ง ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน ปัสสาวะเสร็จแล้วแต่รู้สึกปัสสาวะไม่สุด ทำให้กลายเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของใครหลาย ๆ คน ซึ่งอาการความรุนแรงของโรคในแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันออกไป แต่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของต่อมลูกหมากอย่างที่ใครหลาย ๆ คนเข้าใจ

อย่างที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า วิธีการรักษาที่ใช้กันมาอย่างยาวนานนั้นมีอยู่ 2 วิธี คือ 1.การกินยารักษา 2.การผ่าตัด ซี่งทั้งสองวิธีการรักษาที่ว่านั้นแม้จะไม่ส่งผลข้างเคียงต่อสุขภาพโดยรวม แต่กลับส่งผลต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วยค่อนข้างมาก ทำให้มีการคิดค้นและพัฒนาเครื่องมือทางการแพทย์ขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา  โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จัดแถลงข่าวผ่าน Zoom  ถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ (Water Vapor Therapy) โดยไม่ต้องผ่าตัด  โดยระบุว่า เป็นการนำนวัตกรรมทางการแพทย์ลักษณะนี้เข้ามาเป็นแห่งแรก

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รพ.บำรุงราษฎร์  แถลงว่า  การนำเข้าเทคโนโลยีใหม่ในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำนี้  จะเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะลำบาก ที่เกิดจากโรคต่อมลูกหมากโต ซึ่งมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยที่มีผลงานวิจัยรองรับว่ามีประสิทธิภาพจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2558 และได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย ในช่วงต้นปี 2564 

นพ. วิโรจน์ ชดช้อย หัวหน้าศูนย์ทางเดินปัสสาวะ แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา รพ.บำรุงราษฎร์ กล่าวว่า สำหรับการรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำมีขั้นตอนการรักษาใช้เวลาเพียงสั้น ๆ เรียบง่ายและปลอดภัย ซึ่งเหมาะกับผู้ป่วย 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ

1. ผู้ป่วยที่ใช้ยารักษาแล้วได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยาหรือไม่ได้รับผลที่น่าพอใจ เช่น ลุกขึ้นมาปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อย มีอาการหน้ามืดคล้ายจะเป็นลมหรือปวดหัวที่เป็นผลจากกินยาได้ หรือในผู้ป่วยที่ระยะแรกกินยาแล้วมีอาการดีขึ้น แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปยาเริ่มไม่ค่อยได้ผลเป็นที่พอใจเท่าที่ควร รวมถึงผู้ที่ไม่อยากกินยาไปตลอดชีวิต

2. ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่ยังมีความลังเลใจ เนื่องจากการผ่าตัดส่วนใหญ่จะมีผลข้างเคียงในเรื่องสุขภาพทางเพศ คือ ไม่สามารถหลั่งน้ำอสุจิได้เมื่อถึงจุดสุดยอด ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความมั่นใจและพึงพอใจทางเพศ และจากการเก็บข้อมูลเชิงสถิติพบว่า ปัญหานี้มีประมาณ 60 - 70% ของผู้ที่ได้รับการผ่าตัด มิหน่ำซ้ำหากเป็นแล้วจะไม่สามารถรักษากลับคืนมาได้ ในขณะที่การรักษาด้วยไอน้ำนั้น มีรายงานพบผลข้างเคียงน้อยหรือแทบจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสุขภาพทางเพศ

การมีภาวะแทรกซ้อนได้จากสองวิธีการรักษาที่กล่าวในข้างต้น คือ มีระดับเกลือแร่ผิดปกติ เสียเลือดมาก หรือต้องดมยาเป็นเวลานาน ซึ่งจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ฉะนั้น วิธีการรักษาต่อมลูกหมากด้วยไอน้ำ จึงเป็นหนึ่งในการรักทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีความปลอดภัยสูง ความเสี่ยงต่ำ ภาวะแทรกซ้อนน้อย อวัยวะน้อยบอบช้ำน้อย ฟื้นตัวเร็ว ทำให้อวัยวะนั้น ๆ กลับมาสู่สภาพทางสรีรวิทยาและสามารถกลับมาใช้งานได้เป็นปกติมากที่สุด (Organ Reserve) และไม่ต้องกินยาต่อ ที่สำคัญคือ ไม่ส่งผลต่อสุขภาพทางเพศ หรือส่งผลน้อยมาก ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น

นพ. จรัสพงศ์ ดิศรานันท์ แพทย์ด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า วิธีการรักษาจะต้องฉีดไอน้ำที่อุณหภูมิ 103 องศาเซลเซียส เข้าไปในต่อมลูกหมากประมาณ 4-6 ครั้ง ขึ้นอยู่กับขนาดของต่อมลูกหมาก ในการฉีดแต่ละครั้งใช้เวลาเพียง 9 วินาที หลังการรักษาในช่วงระยแรกต่อมลูกหมากจะบวม ทำให้ปัสสาวะไม่ออก ซึ่งแพทย์จะใส่สายสวนปัสสาวะชั่วคราวให้กับผู้ป่วย และสามารถถอดสายสวนอกได้โดยเฉลี่ยแล้วภายใน 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับขนาดของต่อมลูกหมาก 

ทั้งนี้ หากมีขนาดโตมาก จะต้องฉีดไอน้ำหลายครั้ง ทำให้ต่อมลูกหมากบวมมากขึ้นและอาจต้องใส่สายสวนปัสสาวะนานขึ้นด้วย โดยธรรมชาติร่างกายของคนเราจะค่อยๆ กำจัดเซลล์ที่ตายออก ปกติจะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน จึงจะเห็นผลการรักษาที่ดีได้อย่างเต็มที่ 

“สำหรับวิธีการรักษาด้วยเทคโนโลยีไอน้ำ เหมาะกับผู้ป่วยในกลุ่มที่มีต่อมลูกหมากโต ขนาด 30 – 80 กรัม โดยจะใช้เวลารักษาเพียง 10 – 15 นาที และผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้เร็ว ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ” นพ.จรัสพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย 

สำหรับค่ารักษาพยาบาลของวิธีการรักษาดังกล่าว คือ ผู้ป่วยที่มีขนาดต่อมลูกหมาก 30 – 80 กรัม ค่ารักษาจะอยู่ที่ 250,000 บาท หากตรวจพบว่าต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่กว่า 80 กรัม ค่ารักษาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขึ้นอยู่กับขนาดที่ตรวจพบ (ซึ่งปัจจุบันยังไม่รวมอยู่ในสิทธิการรักษาใด ๆ)  ในส่วนค่าบริการอื่น ๆ เช่น ค่าตรวจร่างกาย ค่าเอ็กเรย์ สำหรับผู้ป่วยที่เคยมีประวัติการรักษาหรือตรวจโรคต่อมลูกหมากมาก่อนไม่ต้องเสียค่าบริการในส่วนนี้ สามารถไปปรึกษาแพทย์ได้เลย  แต่ถ้ายังไม่มีประวัติการรักษาและการตรวจโรคมาก่อน จะต้องเสียค่าบริการที่ 5,900 บาท  

อนึ่ง ปัจจุบันวิธีการรักษาต่อมลูกหมากโต หลัก ๆ คือ การกินยาและการผ่าตัด ส่วนวิธีการรักษาด้วยไอน้ำเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีให้ผู้ป่วยพิจารณา ทั้งนี้วิธีการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต ขึ้นอยู่กับการวินิฉัยและการแนะนำจากแพทย์ว่าอาการของผู้ป่วยเหมาะสมกับวิธีการรักษาแบบใดจึงเป็นผลดีต่อสุขภาพและสร้างความพึงพอใจต่อผู้ป่วยมากที่สุด