ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองนายกฯ และรมว.สธ. เผยความคืบหน้าวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกำหนดการถึงไทย 26 ม.ค. จำนวน 3 ล้านโดส จาก 10 ล้านโดสที่สั่งจองเบื้องต้น จากนั้นต้องผ่านการตรวจสอบตามขั้นตอนต่างๆ พร้อมฉีด 31 ม.ค.65 รพ.เด็กแห่งแรกในกลุ่มมีโรคประจำตัว ก่อนกระจายรพ.ต่างๆ ประสานร่วมมือกับ ศธ.แล้ว 

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าวัคซีนไฟเซอร์สำหรับฉีดเด็กอายุ 5-11 ปี ว่า  ได้รับการรายงานจากนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรคว่าวัคซีนล็อตแรก หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะเข้ามาถึงประเทศไทยวันที่ 26 ม.ค.นี้  จำนวน 3 ล้านโดส จาก 10 ล้านโดสที่สั่งจองไว้ในเบื้องต้น จากนั้นจะสุ่มตัวอย่างให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจล็อตรีลีสต์ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ก็ทราบผล 

"เมื่อผ่านขั้นตอนดังกล่าวจะมีการกระจายไปฉีดเด็ก เริ่มที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) ก่อนเป็นแห่งแรกเพื่อเดินหน้าฉีดให้กับเด็กที่มีโรคประจำตัว ซึ่งถือเป็นเด็กกลุ่มเสี่ยง ก่อนจะกระจายไปยังรพ.ต่างๆ ซึ่งได้ประสานกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับเด็ก ทั้งนี้ขอความร่วมมือผู้ปกครองให้พาบุตรหลานมาฉีดวัคซีนเพื่อความปลอดภัย" นายอนุทิน กล่าว

ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับการฉีดวัคซีนในเด็ก จะเริ่มในวันที่ 31 ม.ค. นี้ เพราะเมื่อวัคซีนมาถึงในวันที่ 26 ม.ค. ต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ และกระจายวัคซีนไปยังรพ.ต่างๆ โดยวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กจะมีขนาด 1 ขวด บรรจุ 1.3 มิลลิลิตร และเมื่อผสมกับน้ำเกลือจะมีขนาด  2.6 มิลลิลิตร  ทำให้วัคซีน 1 ขวด สามารถฉีดให้กับเด็กได้ถึง 10 คน คนละ  0.2 มิลลิลิตร และ บริษัทฯได้มีการพัฒนาให้วัคซีนสามารถเก็บรักษาได้นานหลังผสมน้ำเกลือ ใน อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ จากเดิม 4  สัปดาห์

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org