ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คณะกรรมการเมดิคัล ฮับ เห็นชอบหลักสูตร Medical Hub รองรับศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ เบื้องต้นมี 2 หลักสูตร     ”แพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนไทย” รวมเรื่องต่างๆ ทั้งwellness สมุนไพร กัญชา กัญชง ฯลฯ  ชูตัวอย่างเขตสุขภาพที่ 8 จ.อุดรธานี ทำการแพทย์ปฐมภูมิ และอาคารสมุนไพรไทย

 

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2565 นพ.โสภณ เมฆธน  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข  เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ได้มีการหารือกันถึงหลักสูตรการศึกษา เช่น เปิดหลักสูตรแพทย์เมดิคัลฮับ  ซึ่งนอกจากแพทย์ไทยเรียนแล้ว ยังให้ประเทศเพื่อนบ้านสามารถเข้ามาเรียนในหลักสูตรนี้ได้ด้วย โดยเบื้องต้นหลักสูตรจะมี 2 ด้าน คือหลักสูตรแพทย์แผนปัจจุบัน และหลักสูตรแพทย์แผนไทย ซึ่งจะรวมเรื่อง wellness เรื่องสมุนไพร เรื่องกัญชา กัญชง เป็นต้น แล้วแต่พื้นที่ว่าจะมีการกำหนดหลักสูตรอย่างไร เช่น เขตสุขภาพที่ 8 ซึ่งเปิดที่จังหวัดอุดรธานี เป็นเรื่องการแพทย์ปฐมภูมิ และทำเป็นอาคารสมุนไพรไทย 

 

ทั้งนี้ มีการคุยกันว่าอาจจะเป็นหลักสูตรนานาชาติ เพื่อรับนักศึกษาปริญญาตรีเข้ามาเรียน และผลักดันเป็นเมดิคัลฮับ โดยให้ภาคเอกชน โรงพยาบาลเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษา และการผลิต ส่วนเจ้าภาพดำเนินการนั้น ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) อยู่ระหว่างรับไปหารือร่วมกับกรมอื่นๆ รวมถึงจะมีแพทยสภา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)  ด้วย ซึ่งยังต้องหารือในรายละเอียดต่อไป

 

“ทุกคนเห็นชอบในหลักการว่าเรื่องการศึกษา ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่สำคัญที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศไทยได้” นพ.โสภณ กล่าว

(ข่าวเกี่ยวข้อง : บอร์ดเมดิคัล ฮับ ผลักดัน “กัญชา Metaverse” ครั้งแรกของไทย หนุนศูนย์มะเร็งระดับโลก จ.ชลบุรี)

ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า เรื่องการผลิตแพทย์ เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเราผลิตแพทย์เพื่อให้คนเหล่านี้ออกนอกระบบหรือไม่ ดังนั้น วันนี้จึงมีการหารือร่วมกัน และดึงภาคเอกชนเข้ามาเป็นเจ้าภาพร่วมในการกำหนดหลักสูตร และเป็นสถานที่ฝึกอบรมด้วย เวลาแพทย์ที่จบมาแล้ว หากส่วนหนึ่งเข้าไปอยู่ในภาคเอกชนก็จะได้ตอบโจทย์ ว่าไม่ได้เป็นบุคลากรที่ใช้ทรัพยากรของรัฐอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังต้องมีการหารือร่วมกันต่อไป

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org