ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ที่สถาบันบำราศนราดูร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เตรียมเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด – 19 (ศบค.) ให้มีการถอดหน้ากากในที่สาธารณะ รวมถึงการขอขยายให้สถานบันเทิงเปิดบริการได้ถึงตี 2 ว่า สิ่งที่ท่านพูดถึงการเปิดหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะนั้น  ก็เป็นสิ่งที่ปลัดสาธารณสุขเคยพูดอยู่แล้ว เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งสามารถพูดได้ เสนอได้ แต่อยู่ที่ที่ประชุมศบค.ว่าจะพิจารณาอย่างไร

 

ทั้งนี้ ในช่วงที่ปลัดสธ.เสนอก่อนหน้านี้นั้นยังมีความกัลงลจากหลายฝ่ายว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ แต่หากผู้ว่าฯ กทม. มาสำนับทักที เวลาประชุมศบค.ก็อาจจะพิจารณาให้มากขึ้น  อย่างไรก็ตาม ก่อนเข้าที่ประชุม ศบค. ข้อเสนอต่างๆ จะต้องเข้า ศปก.ศบค. เพื่อพิจารณาก่อน คงไม่ใช่เสนอตามใจชอบ เหมือนเป็นการกลั่นกรองโดยคณะกรรมการชุดเล็กก่อน ดังนั้นหากใครอยากเสนออะไรกต้องเสนอเข้าศบค.ชุดเล็กก่อน เพื่อพิจารณา 

 

เมื่อถามถึงมุมมองทางการแพทย์ เห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะถอดหน้ากากอนามัยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการป้องกัน และการดูแลรักษาตัวเอง หน้ากากอนามัยต่อให้ไม่มีโควิดแล้ว แต่ด้วยดความที่เราได้มีการใช้มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งสามารถป้องกันอะไรได้หลายๆ อย่าง หากประเมินแล้วว่ามีความปลอดภัยในการอยู่ในที่สาธารณะ อยู่ในคนหมู่มาก มีคนกลุ่มเสี่ยงแล้วการจะใส่หน้ากากอนามัยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะเป็นการป้องกันตัวเองให้เกิดความมั่นใจ เพราะขณะนี้การติดเชื้อก็ยังคงมีเยอะอยู่ 

 

เมื่อถามถึงกรณีชมรมแพทย์ชนบทออกมาตั้งข้อสังเกตถึงวัคซีนป้องกันโควิด – 19 ที่คงเหลือจำนวนมาก นายอนุทิน กล่าวว่า  “ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน เรื่องนี้เป็นเรื่องนโยบาย การพิจารณาจัดหาวัคซีนเริ่มตั้งแต่กรมควบคุมโรค สำนักงานปลัดสธ. กระทรวงสาธารณสุข ก่อนไปศบค. ทุกอย่างมีขั้นตอน แต่ใครทักท้วงอะไรมาเราก็รับฟัง ถ้าทักมาด้วยเจตนาที่ดี เราก็พร้อมที่จะพัฒนา แก้ไข แต่หากทักมาด้วยเจตนาที่ขอแค่ได้ทัก ไม่ได้พูดก็คงต้องชี้แจงกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เสียเวลา  คนในกระทรวงเดียวกันแท้ๆ ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดก่อน อย่าไปเที่ยววุ่นวายกับคนอื่น” 

 

เมื่อถามต่อว่าวัคซีนล้นสต็อกจนต้องกระจายไปยังรพ.สต. ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนที่ไม่มีวัคซีนก็บอกว่าขาดวัคซีน ตอนที่มีวัคซีนเชื้อตายก็บอกว่าทำไมไม่มีวัคซีนไวรัลเว็คเตอร์ พอวัคซีนไวรัลเว็คเตอร์มาก็บอกว่าทำไมไม่มีวัคซีนชนิด mRNA แล้ววัคซีนที่บอกว่าล้นสต็อกนั้น ถามว่าถ้าสั่งวัคซีนมาให้เท่ากับจำนวนคนเลยได้หรือไม่ ไม่ต้องเผื่อเลยได้หรือไม่ แล้ววัคซีนที่ได้มาก็ไม่ใช่สิ่งที่เราซื้ออย่างเดียว แต่มีคนบริจาคมาให้ด้วยหลายสิบล้านโดส ถามว่าเราจะปฏิเสธไหม เวลาที่พูดต้องดูว่าแต่ละช่วงเวลาเป็นอย่างไร 

 

“คนไม่ทำงานติอย่างเดียว คนถ้าไม่ทำงาน จะติอย่างเดียวก็ติได้ทุกเรื่อง อยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล มีความตั้งใจทำให้เกิดความมั่นใจ และทุกวันนี้ที่บอกว่าจะถอดหน้ากากกัน จะใช้ชีวิตปกติกัน เปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ เปิดสถานบันเทิง ใช้ชีวิตเต็มที่ เข้าออกประเทศสะดวกไม่ใช่เพราะวัคซีนอย่างนั้นหรือ   ถามว่า 1 ต่อ 1 ได้ไหม แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าจะฉีดคนละกี่เข็มถึงจะพอ บางคน 5 เข็ม ซึ่งวัคซีนทุกวันนี้วัคซีนไปหาคนเรียบร้อยแล้ว คนต้องมาหาวัคซีนที่สถานที่ที่เรากระจายไป เพื่อจะได้ฉีดวัคซีนบู๊สเตอร์ ซึ่งเป็นตัวปิดเกม” นายอนุทิน กล่าว  

เมื่อถามต่อว่า ชมรมแพทย์ชนบทเสนอให้ชะลอการสั่งซื้อ นายอนุทิน กล่าวว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีการประชุม อีโอซีทุกวัน มีอาจารย์แพทย์ มีผู้เชี่ยวชาญ มีคณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีคณะกรรมการโรคติดต่อ มีศบค. ทุกอย่างทำด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการให้เกิดความปลอดภัยทั้งประเทศ ชมรมแพทย์ชนบทส่วนใหญ่ก็เป็นแพทย์ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อเสนออะไรก็สามารถบอกกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ผู้ตรวจราชการในฝ่ายที่ตัวเองสังกัดได้ เพื่อนำเสนอเข้าที่ประชุม อีโอซีที่ปลัดสธ.ประชุมเป็นประจำอยู่แล้ว ต้องมาตามระบบ