ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปลัด สธ.เผยสาเหตุเชิญ กทม.ถกโควิด19 เหตุติดเชื้อเพิ่ม การหารือเป็นการเตรียมพร้อมทุกมาตรการร่วมกัน ส่วนจะปรับมาตรการลดกิจกรรม ลดความเสี่ยงอะไรหรือไม่ ต้องรอผลการหารือบ่ายวันนี้ (18 ก.ค.)

เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2565  นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเชิญนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หารือเรื่องการรับมือการระบาดโควิด 19 ว่า กทม.ยังมีผู้ป่วยมีอาการ เข้ารักษาใน รพ.เป็นหลักพันต่อวัน ส่วนต่างจังหวัดอยู่ที่หลักสิบ บางจังหวัดก็ไม่มี  อย่างไรก็ตาม การหารือเป็นเรื่องปกติ เพราะ สธ.ต้องรับผิดชอบดูแลระบบสาธารณสุข ขณะที่ กทม.มีระบบดูแลรักษาของตัวเอง ซึ่งเราหารือกันมาตั้งแต่ปีที่แล้วตั้งแต่การระบาดของเดลตา ทำให้ต้องการเตียงสูง สธ.ก็สนับสนุน และมาจัดตั้ง รพ.บุษราคัม จึงอยากมาวางแผนร่วมกัน ซึ่งจะเน้นเรื่องการควบคุมป้องกันโรคและการรักษาพยาบาล

 

เมื่อถามว่าจะมีการเสนอให้ กทม.ลดกิจกรรมเสี่ยงใดบ้าง นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ก็ต้องหารือกันก่อน เราคุยกันหมด ทั้งเรื่องวัคซีน ประสิทธิภาพวัคซีน และการขนส่งวัคซีน ซึ่ง กทม.เป็นพื้นที่ที่ฉีดมากกว่า 100% แต่เมื่อยังมีการติดเชื้อก็ต้องมาหารือเรื่องต่างๆ เราอยากช่วยกัน นอกจากนี้ ยังหารือเรื่องการควบคุมโรค การรักษา ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายดูแลฟรี สธ.จึงเป็นผู้ซื้อยาต้านไวรัสและสนับสนุนให้กับ รพ.ต่างๆ ซึ่งใน กทม.มีโรงเรียนแพทย์ รพ.เอกชน รพ.สังกัด กทม. ก็จะได้รับยาจาก สธ.และนำไปใช้ เราก็ต้องทบทวนกันอีกที เพราะไม่อยากให้เกิดการขาดแคลนยา มีการกระจายยาอย่างเหมาะสม แต่เราก็ไม่ได้มีเหลือเฟือที่จะกระจายทุกที่ทุกแห่ง  ขณะที่ สธ.ก็มี รพ.ที่ต้องดูแลอีกเป็นพันแห่ง จึงต้องลองมาทบทวน เราไม่ได้พูดคุยกันมานานเนื่องจากเสร็จศึก เพราะสถานการณ์เบาลง แต่ขณะนี้ขึ้นมาก็เป็นเรื่องปกติในการหารือ ซึ่งบางครั้งตนก็ไปหารือที่ กทม. เที่ยวนี้ก็เชิญมาซึ่งที่นี่เรามีข้อมูลต่างๆ

 

"สธ.พยายามให้คนเข้าถึงยามากขึ้น แต่ต้องอธิบายผู้ป่วยด้วยว่า แม้จะติดเชื้อโควิดก็ไม่จำเป็นต้องรับยาต้านไวรัสทุกคน ถ้าอาการน้อยสีเขียวดูแลรักษาตนเอง หรือรับยาตามอาการ ถ้ามีอาการสีเหลืองขึ้นไปอยู่ในดุลยพินิจแพทย์ในการให้ยาต้านไวรัส ก็มีทั้งฟาวิพิราเวียร์ โมลูนพิราเวียร์ และแพกซ์โลวิด นอกจากนี้ จะมีแอนติบอดี LAAB จะมาถึงสัปดาห์หน้าด้วย ก็ต้องหารือกับทาง กทม. เพราะเราต้องสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ก็ต้องหารือกัน" นพ.เกียรติภูมิกล่าว

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า การรายงานผลโควิดเราพิจารณาแล้ว ซึ่งบอกตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.แล้วว่า เราจะเน้นผู้ป่วยที่มีอาการหนักเข้า รักษาใน รพ. และผู้เสียชีวิต ซึ่งบางคนที่ตรวจแล้วติดเชื้อไม่มีอาการก็ดูแลตนเองที่บ้าน ไม่ได้เข้าระบบ บางคนก็เข้าระบบผู้ป่วยนอก แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีอาการหนัก ส่วนที่รายงานป่วยใหม่วันละ 2 พันราย ก็มีหายป่วยออกมาไปประมาณ 2 พันรายเช่นกัน อาจดูขึ้นเล็กน้อย แต่ตัวเลขยังสมดุล เตียงก็มีการเตรียมให้พอเพียง เราได้รับรายงานว่า BA.4/BA.5 ก็อาจจะมีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ก้ต้องหารือกับทาง กทม.เป็นเรื่องปกติ ซึ่งมาตรการต่างๆ นั้นก็ขอให้ได้หารือกันก่อน

 

ถามถึงกรณีโฆษก กทม.ระบุว่ายังไม่ได้รับหนังสือเชิญ นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ตรงนี้ก็มีการประสานงานกันในช่วงวันหยุด ซึ่งการทำงานไม่มีวันหยุด แต่ช่วงนั้นตนเดินทางไปต่างประเทศ ก็คุยทีมงานว่าอยากหารือก็มีการประสานงานกันเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ หนังสือก็มีการดำเนินการภายหลัง

 

 

*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org