ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หารือทวิภาคีร่วมกับ 1 หน่วยงานและ 2 เขตเศรษฐกิจ ก่อนการประชุมระดับสูงเอเปคว่าด้วยสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ทั้งความร่วมมือโครงการ SECURE ร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเชีย การดำเนินงานศูนย์ ACPHEED ร่วมกับอินโดนีเซีย และความร่วมมือด้าน Genomics กับสิงคโปร์

วันนี้ (25 สิงหาคม 2565) ที่โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงก่อนการประชุมระดับสูงเอเปคว่าด้วยสาธารณสุขและเศรษฐกิจ (HLM) ครั้งที่ 12 ตนและผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขได้หารือทวิภาคีร่วมกับ 1 หน่วยงาน และ 2 เขตเศรษฐกิจเอเปค คือ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) โดยหารือร่วมกับ 

Dr. Wan Farisan Bin Wan Sulaiman Executive Director, ADB และคณะ ถึงความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและ ADB ทั้งการสนับสนุนงบประมาณของ ADB ในการดำเนินงานศูนย์ความเป็นเลิศ ทางการแพทย์ (Medical Excellent Center) ของกระทรวงสาธารณสุข และความคืบหน้าของโครงการ SECURE เพื่อสนับสนุนการใช้วัคซีนและการบริหารจัดการวัคซีนอย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ และส่งเสริมมาตรการความมั่นคงด้านสุขภาพหลังการแพร่ระบาดของโควิด 19 ซึ่ง ADB ดำเนินงานใน 7 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว ฟิลิปปินส์ ติมอร์เลสเต เวียดนาม และไทย ซึ่งไทยพร้อมทำงานร่วมกับ ADB เพื่อเสริมสร้างระบบสุขภาพของไทยและความมั่นคงด้านสุขภาพ

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ส่วนอีก 2 เขตเศรษฐกิจ คือ การหารือทวิภาคีร่วมกับ Dr. Dante Saksono Harbuwono รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียและคณะ เกี่ยวกับความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่าง 2 เขตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการรับมือภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ACPHEED) ที่ตั้งอยู่ใน 3 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย ไทย และเวียดนาม

โดยมีสำนักงานเลขาธิการของ ACPHEED ตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยอยู่ระหว่างการจัดทำข้อตกลงการจัดตั้ง (Establishment Agreement : EA) ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2565 ซึ่งไทยได้ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับอินโดนีเซียและเวียดนามในการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ข้อตกลงการจัดตั้ง ACPHEED ได้รับการสรุปโดยประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อทำให้ APCHEED เป็นศูนย์ระดับภูมิภาคที่ยั่งยืน และไทยยังแสดงความเต็มใจที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านสุขภาพกับอินโดนีเซียในทุกระดับ ทั้งทวิภาคี ภูมิภาค และระดับโลก

ส่วนการหารือทวิภาคีกับ Mr. Ong Ye Kung รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สิงคโปร์ ไทยได้แสดงความยินดีกับสิงคโปร์ในการแสดงบทบาทนำจนบรรลุมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ “Strengthening health emergency preparedness and response in cities and urban settings” ที่เป็นการยืนยันเจตนารมณ์ทางการเมือง การมีทรัพยากรที่เพียงพอ การมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาและดำเนินการแผนงาน การซักซ้อมการปฏิบัติ และ การร่วมมือและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนการปฏิบัติที่ดีกับพันธมิตรระหว่างประเทศ และหารือความร่วมมือด้าน Genomics ทั้งด้านการศึกษาวิจัยและการศึกษาดูงานที่สิงคโปร์