ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ชมรมรพ.สต.(ประเทศไทย) ยื่นข้อเสนอ “ชลน่าน” แก้ปัญหาถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.ไปท้องถิ่น 4 ประเด็น ทั้งโครงสร้างอัตรากำลัง  เร่งรัด สธ.ส่งมอบอาคาร สถานที่ ที่ดิน สิ่งก่อสร้าง รพ.สต. ถ่ายโอน ให้แก่ อบจ. โดยเร็ว เสนอ ครม. ทบทวนมติ ก.พ.  คัดเลือกบรรจุลูกจ้างที่ปฏิบัติงานช่วงโควิดตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุข ที่จัดจ้างในวุฒิป.ตรี ให้ได้บรรจุกรณีพิเศษ

 

เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายสมศักดิ์ จึงตระกูล ประธานชมรมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(ประเทศไทย)  พร้อมตัวแทน เดินทางเข้าพบ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยื่นข้อเสนอการแก้ไขปัญหาการถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด และการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ

โดยชมรมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (ประเทศไทย) ขอเสนอแก้ไขปัญหาอุปสรรค การถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. ให้แก่ อบจ. ในส่วนที่เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงสธารณสุข ดังต่อไปนี้

1. ด้านการบริหารจัดการบุคลากร และโครงสร้างอัตรากำลัง รพ.สต.

1.1 ให้บุคลากรที่มีเลขประจำตำแหน่ง และปฏิบัติงานอยู่ใน รพ.สต.ถ่ายโอน ให้ อบจ. ที่ยังไม่ได้สมัครใจถ่ายโอน ปฏิบัติงาน ณ รพ.สต.แห่งนั้น ไปพลางก่อน เป็นระยะเวลา 1 -2 ปี จนกว่า อบจ.รับถ่ายโอน จะได้รับงบประมาณเพื่อการสรรหาบุคลากรทดแทนกรอบอัตรากำลัง รพ.สต. S M L โดยให้สิทธิการเบิกจ่ายเงิน พตส. / ฉ.11 / ค่ารักษาพยาบาล/ค่าการศึกษาบุตร ของข้าราชการ ผู้นั้น เบิกจากส่วนราชการต้นสังกัด โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567

1.2 ให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสถาบันพระบรมราชชนก เร่งผลิตบุคลากรวิชาชีพ ได้แก่พยาบาลวิชาชีพ ทันตสาธารณสุข เภสัชกรรม เพื่อป้อนระบบสุขภาพปฐมภูมิ แก่ รพ.สต. ในสังกัด กระทรวงสาธารณสุข และ อบจ.

1.3 ส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพ ที่ปฏิบัติงานใน รพ.สต. เข้าศึกษา ต่อเนื่อง หลักสูตรแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว หลักสูตรเวชปฏิบัติครอบครัว หรือหลักสูตรสาธารณสุข เวชศาสตร์ เพื่อการจัดระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ ตาม พรบ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 1.4 ให้กำหนดมาตรฐานตำแหน่งใหม่ "นักทันตสาธารณสุข" และให้เป็นผู้ประกอบ วิชาชีพ ชั้น 2 ตามกฎหมายวิชาชีพทันตกรรม 1.5 ให้กำหนดมาตรฐานตำแหน่งใหม่ "นักเภสัชกรรม" และให้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ เภสัชกรรม ชั้น 2 ตามกฎหมายวิชาชีพเภสัชกรรม

2.ด้านการจัดระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ

2.1 ให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการ ประจำ (CUP) กับ สปสช. จัดสนับสนุนระบบบริการด้านบุคลากร ด้านยาและเวชภัณฑ์ ให้เป็นไปตาม มาตรฐาน พรบ.ระบบหลักประกันสุขภาพ พ.ศ. 2545 และ พรบ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562

2.2 ให้กระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนให้หน่วยบริการสาธารณสุข ในสังกัด อบจ. จัดขึ้นทะเบียนหน่วยบริการหลัก และหน่วยบริการปฐมภูมิได้ตามมาตรฐาน โดยไม่จำเป็นต้องสร้าง โรงพยาบาลให้เป็นภาระงบประมาณ

 2.3 ให้พัฒนาโรงพยาบาลชุมชน ให้มีแพทย์เฉพาะทาง และวิสัญญีแพทย์ เพื่อให้ สามารถเปิดให้บริการ OR / LR แก่ประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพ และไม่ถูกฟ้องร้องละเมิด

3. ด้านความก้าวหน้าบุคลากร สิทธิสวัสดิการ

3.1 ให้กระทรวงสาธารณ สุข เสนอขอ ก.พ. แก้ไขปรับปรุงกฎ ก.พ. ว่าด้วย การให้ข้าราชการพลเรือนได้รับเงินประจำตำแหน่ง โดยกำหนดเพิ่มให้ตำแหน่ง "นักสาธารณสุข" ระดับชำนาญการ ขึ้นไป มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง

3.2 ให้ปรับปรุงกำหนดตำแหน่งข้าราชการนักวิชาการสาธารณสุข และเจ้าพนักงานสาธารณสุข ผู้มีใบประกอบวิชาชีพสาธารณสุขชุมชน เป็นตำแหน่ง "นักสาธารณสุข" ให้แล้วเสร็จ ภายในเดือนเมษายน 2567 เพื่อจะได้ทันการจัดทำคำของบประมาณเงินประจำตำแหน่ง บรรจุในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

3.3 ให้กระทรวงสาธารณสุข ส่งเสริมสนับสนุนให้ ผอ.รพ.สต. ใน รพ.สต. ที่ร่วมเป็น หน่วยบริการ PCC / NPCU มีสิทธิแต่งตั้งเลื่อนระดับตำแหน่ง เป็นระดับชำนาญการพิเศษ/ระดับอาวุโส

3.4 ให้กระทรวงสาธารณสุข ส่งเสริมสนับสนุนให้ข้าราชการในสังกัด สายงานวิชาการ สามารถประเมินเลื่อนระดับตำแหน่งเป็นระดับชำนาญการพิเศษ และข้าราชการสายงานทั่วไป สามารถ ประเมินเลื่อนระดับตำแหน่งเป็นระดับอาวุโส ได้ทุกตำแหน่ง เมื่อมีปริมาณงาน และคุณภาพงานใน ระดับนั้น เหมือนการเลื่อนของข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

3.5 ให้ลดขั้นตอน และรูปแบบการเสนอผลงานวิชาการ เพื่อการเลื่อนระดับตำแหน่ง ข้าราชการสายงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชำนาญการพิเศษขึ้นไป เป็นการประเมินปริมาณ งาน คุณภาพงาน และผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากการปฏิบัติงาน เพื่อให้บุคลากรได้

3.6 ให้ปรับปรุงบัญชีค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราวเงินบำรุง และบัญชีค่าจ้างพนักงาน กระทรวงสาธารณสุข ให้สอดคล้องกับอัตราค่าแรงในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน

3.7 ให้ส่งเสริมสนับสนุนให้ลูกจ้างชั่วคราวเงินบำรุง และพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ที่มีชื่อตำแหน่งตามกรอบโครงสร้างอัตรากำลังของหน่วยบริการ ได้รับการบรรจุเป็นลูกจ้างประจำ / ข้าราชการ

4. ด้านระเบียบกฎหมาย

4.1 ให้เสนอ ครม. พิจารณาทบทวนมติ ก.พ. ในการคัดเลือกบรรจุลูกจ้างที่ปฏิบัติ หน้าที่ในสถานการการระบาดของโรค COVID-19 ตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุข ที่จัดจ้างในวุฒิ ปริญญาตรี และเยียวยาให้ได้สิทธิรับการคัดเลือกบรรจุกรณีพิเศษ ซึ่งมาตราฐานกำหนดตำแหน่งได้ กำหนดให้ ก.พ. สามารถเทียบเคียงวุฒิที่สูงกว่าเป็นวุฒิที่สามารถบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งนั้นได้

4.2 ปรับปรุงระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยบุคคลซึ่งกระทรวง ทบวง กรม กทม. เมืองพัทยา อบจ. มอบหมายให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็น ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2539 ให้สอดคล้องกับการให้บริการสุขภาพแก่ประชาชน ของบุคลากรวิชาชีพในปัจจุบัน

4.3 ปรับปรุงระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยเงินบำรุงของหน่วยบริการในสังกัด กระทรวงสาธารณสุข ให้สามารถโอนเงินบำรุงให้แก่หน่วยบริการสาธารณสุข ในสังกัด อปท. ได้ ทั้งนี้เพราะเงินโอน สปสช. ประเภท HI / OPSI / QOF / Free Scadual และเงินผลงานอื่นๆ ของ รพ. สต. ถ่ายโอน ยังค้างจ่ายอยู่ที่โรงพยาบาลแม่ข่าย ก่อนการถ่ายโอน

4.4 ให้ยกฐานะสถานบริการสาธารณสุขชุมชน (สสช.) หน่วยบริการสาธารณสุขในพื้นที่ ชายแดน ชายขอบ ถิ่นทุรกันดาร ให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

4.5 ให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งส่งมอบอาคาร สถานที่ ที่ดิน สิ่งก่อสร้าง รพ.สต. ถ่าย โอน ให้แก่ อบจ. โดยเร็ว

4.6 ให้เสนอ ครม. แก้ไขปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการพลเรือน ตามบัญชีแนบท้าย พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และแยกบัญชีข้าราชการตำแหน่งแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร เป็นบัญชีแยกต่างหาก โดยให้มีอัตราบัญชีเงินเดือนใกล้เคียงข้าราชการตุลาการ ให้สอดคล้อง กับภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพในปัจจุบัน  

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง