ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"หมอชลน่าน" เผยผลตอบรับเฟสแรก นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ประชาชนพึงพอใจ ประกาศลุยเฟส 2 อีก 8 จังหวัด เร่งติวเตรียมความพร้อมก่อนคิกออฟ มี.ค.นี้  

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2567 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานมอบนโยบายและปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลสุขภาพ "30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว" ระยะที่ 2 ปึงบประมาณ 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 ก.พ. โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เข้าร่วม

เผย ปชช.พอใจนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว คิกออฟระยะแรกใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ผลตอบรับการดำเนินงานเฟสแรก ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนมีความพึงพอใจในการรับบริการ มีเสียงชื่นชมเป็นส่วนใหญ่ เพราะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้สะดวกมากขึ้น ด้วยการนัดหมายเข้ารับบริการผ่านระบบออนไลน์ รับบริการการแพทย์และเภสัชกรรมทางไกลจากที่บ้าน เลือกรับยาทางไปรษณีย์ ร้านยาใกล้บ้าน หรือใช้บริการ Health Rider ในการรับยาและเวชภัณฑ์ รับบริการตรวจเลือดที่ร้านแล็บใกล้บ้าน ไม่ต้องเสียเวลาและค่าเดินทางมายังโรงพยาบาล ช่วยลดระยะเวลารอคอยและยังช่วยลดภาระงานของบุคลากร เพราะมีการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ สามารถเรียกดูประวัติการรักษาออนไลน์ที่จากทุกหน่วยบริการที่ผู้ป่วยเคยเข้ารับการรักษาได้ เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาลได้ดียิ่งขึ้น ภายใต้การดูแลความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของข้อมูลสุขภาพอย่างรัดกุม

นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า ในเฟสแรก หน่วยบริการเอกชน คลินิก ร้านยา แล็ป และโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วม 765 แห่ง มีการส่งยาและเวชภัณฑ์ 2,288 ครั้ง มีการใช้บริการนัดหมายออนไลน์ 1,693 ครั้ง และการบริการ Telemedicine หรือการแพทย์ทางไกล 1,388 ครั้ง ส่วนความกังวลว่าจะเพิ่มภาระงานในโรงพยาบาลใหญ่ พบว่า มีผู้รับบริการโดยไม่ใช้ใบส่งตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดทั้ง 4 แห่ง เพิ่มขึ้นประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการใช้บริการข้ามเขตอยู่ที่ 4.3 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขเพิ่มขึ้นจากการย้ายถิ่นฐานมาทำงาน หรือมาท่องเที่ยว จึงใช้บริการข้ามเขต ไม่มีผลกระทบต่อภาระงานและบุคลากร อยู่ในระดับที่โรงพยาบาลรองรับการให้บริการได้

"ความยากลำบากแทบไม่มีเลย เบื้องต้นที่ประเมิน 1 เดือนพบว่า ระบบที่วางทั้งผู้รับบริการและผู้ให้บริการพึงพอใจ จะมีปัญหาในเชิงระบบ อาจมีเสียงบ่นเรื่องการตรวจสอบและซักประวัติเพิ่มเติมในการข้ามเขต แต่ตอนนี้ปรับเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะไม่มีปัญหาในเฟส 2 เรื่องของการใช้สิทธิเบิกจ่าย เปิดสิทธิแล้วต้องปิดสิทธิเพื่อยืนยันว่ามาใช้บริการจริง ตรงนี้มีปัญหาบ้าง แต่ปรับได้ แก้ปัญหานี้ได้ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน" นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า การเชื่อมโยงข้อมูล การปรับระบบ ต้องใช้ความมั่นคง ปลอดภัย โดยคัดเลือก 8 จังหวัดที่มีความพร้อมในเชิงระบบที่สามารถเชื่อมต่อได้ ความพร้อมของบุคลากร และการบริหารจัดการ รวมถึงความพร้อมในการเชื่อมต่อกับสถานบริการที่อยู่นอกสังกัด เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เลือก 8 จังหวัดนี้ และยังเป็นตัวแทนของเขตบริการสุขภาพ

"เรามีทั้งหมด 12 เขตสุขภาพ ทำไปแล้ว 4 เหลืออีก 8 ก็เลือกตัวแทนของ 8 เขตที่มีความพร้อมที่สุด และได้จัดให้มีการนำประสบการณ์จาก 4 จังหวัดนำร่อง มาขับเคลื่อระยะที่ 2"

สำหรับ 8 จังหวัด เฟส 2  นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ประกอบด้วย

  1. เพขรบูรณ์
  2. นครสวรรค์
  3. สิงห์บุรี
  4. พังงา
  5. หนองบัวลำภู
  6. อำนาจเจริญ
  7. นครราชสีมา
  8. สระแก้ว

เฟส 2 จะเริ่มในช่วงเดือนมีนาคม 2567 โดยมีการติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับระบบให้การบริการตอบสนองความต้องการประชาชน ไม่เพิ่มภาระงานจนกระทบกับขวัญกำลังใจบุคลากร

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่บุคลากรเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ในระยะที่สอง ทั้งเรื่องของใช้งานระบบยืนยันตัวตน Health ID & Provider ID ประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ (PHR) ระบบหมอพร้อมสเตชัน หมอพร้อมแอปพลิเคชัน ไลน์หมอพร้อม ระบบบริการนัดหมายออนไลน์ การให้บริการการแพทย์ทางไกล การใช้ Digital Signature และใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ระบบใบสั่งยา/ใบสั่งแล็บออนไลน์ ระบบรับส่งยาทางไปรษณีย์ และ Health Rider การใช้ระบบ สอน.บัดดี้ และการบริหารจัดการผู้ใช้งาน แนวทางการเบิกจ่ายกองทุนสุขภาพ รวมถึงเรื่อง Cyber Security เพื่อให้ทั้ง 8 จังหวัดสามารถจัดทำแผนปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีผู้บริหารและบุคลากรเข้าร่วมประมาณ 600 คน