ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“ชลน่าน”  ลงพื้นที่เชียงใหม่ ตรวจความพร้อมทางการแพทย์ เฝ้าระวัง 5 กลุ่มโรคเสี่ยงรับผลกระทบฝุ่นเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงประสบฝุ่นพิษ PM 2.5 เผยเขตสุขภาพที่ 1 ครอบคลุม 8 จังหวัดจัดระบบศูนย์เฝ้าระวังระดับเขต เป็นพื้นที่นำร่องติดตามข้อมูลผลกระทบแบบเรียลไทม์

 

เมื่อวันที่ 9 เมษายน ที่รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่  นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยมความพร้อมทางการแพทย์การดูแลสุขภาพประชาชนจากฝุ่นเชียงใหม่ รวมไปถึงการดูแลสุขภาพประชาชนในจังหวัดใกล้เคียงที่กำลังเผชิญปัญหา PM2.5สูง ว่า เป็นข้อห่วงใยของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้ตน ในฐานะรมว.สาธารณสุข มาติดตามสถานการณ์และช่วยกันแก้ปัญหาในมิติด้านสุขภาพ  โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ที่มีค่าเพิ่มสูงมาก โดยระบบการแพทย์และสาธารณสุข มีการติดตามเรื่องนี้ตลอด และเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่มโรค คือ โรค COPD หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง  โรคผิวหนัง โรคเยื่อบุตา โรคหอบหืด และโรคมะเร็งปอด 

อย่างโรค COPD ขณะนี้พบประมาณ 3,000 กว่าราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยรายเดิม โดยกลุ่มนี้จะมีอาการขึ้นจะได้น้อย เนื่องจากมาตรการทางการแพทย์และสาธารณสุขให้ความสำคัญและมีการเฝ้าระวัง เมื่อพบจะรักษาแรกเริ่ม อย่างสถิติการให้ยาเพิ่มเป็น 3 เท่าเพื่อควบคุมอาการ อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่ค่อยพบเพิ่มมาก ซึ่งมีการแนะนำจัดทำห้องปลอดฝุ่นที่บ้าน ขณะนี้ประมาณ 2 พันราย โดยยังเหลือ 1.9 พันรายจากกว่า 3 พันรายที่ไม่มีห้องปลอดฝุ่น ในส่วนของรพ.มีการจัดทำห้องปลอดฝุ่นแล้ว และภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย

“สำหรับโรคที่จะบ่งบอกว่ามาจากฝุ่น PM2.5 จะเป็นในกลุ่มโรคผิวหนัง และเยื่อบุตาอักเสบ สะท้อนได้เพราะเป็นระยะเฉียบพลัน แต่หากโรคเรื้อรัง เมื่อมีอาการก็จะวัดได้ในแง่ของการกระตุ้น” นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน ทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เขตสุขภาพที่ 1 เป็นเขตต้นแบบเรื่องของการเฝ้าระวังทั้งเขตสุขภาพ (One Region One Sovereign Systems)  เป็นระบบการเฝ้าระวังโรคผ่านเขตสุขภาพที่ 1 ทั้ง 8 จังหวัด ทำเป็นฐานข้อมูลเดียวกัน เชื่อมกับทางกระทรวงมหาดไทย และมหาวิทยาลัย โดยเรามีศูนย์ดำเนินการอยู่ ถือเป็นการนำร่องที่แรกที่ใช้ฐานข้อมูลทั้งเขตมาใช้บริหารจัดการ

นอกจากนี้ ยังมีศูนย์เฝ้าระวัง ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานเขตสุขภาพ กรมควบคุมโรค และกรมอนามัย เฝ้าระวังสถานการณ์จริงแบบเรียลไทม์ โดยชุดข้อมูลนี้จะเข้าไปยังศูนย์เฝ้าระวังสำนักงานเขต จะบ่งชี้ได้ว่า ณ เวลานี้มีผู้ป่วยที่ไหนอย่างไร เป็นข้อมูลแดชบอร์ด เป็นข้อมูลที่รวดเร็วและเข้าไปดูแลสุขภาพประชาชนอย่างทันท่วงที ซึ่งศูนย์นี้จะเกิดประโยชน์ในแง่การบริหารจัดการด้วย เชื่อมไปยังกระทรวงมหาดไทยด้วยเช่นกัน

อีกทั้ง สธ.ยังเน้นการค้นหาเชิงรุก สำหรับผู้ป่วยที่มีความเปราะบาง และจัดบริการเชิงรุก มีคลินิกมลพิษออนไลน์ มีระบบเข้าไปดูแลในชุมชน มีทีม 3 หมอเข้าไปทำงานในพื้นที่  ซึ่งข้อมูลตรงนี้จะเข้าไปที่ระดับ รพ.สต. เป็นต้น รวมไปถึงมีมาตรการป้องกัน ด้วยการแนะนำให้ความรู้ประชาชน มีหน้ากากอนามัย N95  เป็นต้น

“ฝุ่นพิษ เป็นสาเหตุของการเจ็บป่วย อย่างผิวหนัง ดวงตา หรือผู้ป่วยโรคเดิมก็อาจกระตุ้นได้ ส่วนผู้ป่วยใหม่นั้น ด้วยลักษณะโรค อย่างโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังต้องใช้ระยะเวลา รวมถึงมะเร็ง ที่หลายคนคิดว่าเกี่ยวกับมะเร็งปอด ทางสธ.มีการเฝ้าระวัง โดยเขตสุขภาพที่ 1 มีการคัดกรองเบื้องต้นด้วยคอมพิวเตอร์สแกน ซึ่งใช้ปริมาณรังสีไม่เหมือนทั่วไป โดยสามารถตรวจหามะเร็งที่เข้าข่ายได้” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการคัดกรองมะเร็งเบื้องต้นด้วยเครื่องสแกนนั้น จำเป็นต้องเข้าสู่สิทธิประโยชน์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่เข้าในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ขณะนี้ทางเขตสุขภาพที่ 1 กำลังเสนอความจำเป็นว่า ควรต้องเพิ่มเข้าไปในสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เรื่องนี้ก็จะมีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาเช่นกัน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเขตสุขภาพที่ 1 ครอบคลุม 8 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา เชียงราย และแม่ฮ่องสอน