ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คณะทันตแพทยศาสตร์ มหิดล ร่วมภาคเอกชนจัดแคมเปญ “เพราะรอยยิ้มไม่ควรต้องรอ ความสุขก็เช่นกัน” ระดมทุนจัดทำฟันเทียมให้กับผู้สูงอายุที่ขาดโอกาส ขณะที่ทันตแพทย์เผยกว่า 58% ผู้สูงวัยในไทยเผชิญปัญหาสูญเสียฟัน กระทบคุณภาพชีวิต

 

เมื่อวันที่ 13 เมษายน รศ.ดร.ทพ.ชูชัย อนันต์มานะ หัวหน้าภาควิชาทันตกรรมประดิษฐ์ รองคณบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสุขภาพช่องปากในผู้สูงวัยว่า  แม้วันนี้ประเทศไทยจะได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้ความสําคัญกับเรื่องสุขภาพและระบบสาธารณสุข รวมไปถึงสุขภาพช่องปากและฟัน  โดยมีโครงการในระดับชาติหลายโครงการที่มุ่งส่งเสริมสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้สูงอายุชาวไทย และการดูแลด้านทันตกรรมที่รวมอยู่ในความครอบคลุมของระบบประกันสังคม แต่ก็ยังพบกว่า 58% ของผู้สูงอายุในประเทศไทยที่มีอายุระหว่าง 60-74 ปี ต้องเผชิญกับปัญหาการสูญเสียฟัน ส่งผลให้มีฟันตามธรรมชาติเหลือน้อยกว่า 20 ซี่

สาเหตุหลักของเรื่องนี้ เพราะคนไทยยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพในช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีตั้งแต่ในวัยเด็ก ทำให้ละเลยต่อการใส่ใจในสุขภาพช่องปากและฟัน ส่งผลเป็นห่วงโซ่สำคัญที่ทำให้ต้องสูญเสียฟันอย่างถาวรเมื่อมีอายุมากขึ้น

รศ.ดร.ทพ.ชูชัย กล่าวอีกว่า การที่ผู้สูงอายุต้องสูญเสียฟัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อปัญหาสุขภาพ เนื่องจากช่องปากถือเป็นปราการด่านแรกของการนำสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย เมื่อผู้สูงอายุไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารที่มีประโยชน์อย่างที่เคยรับประทานได้ ผู้สูงอายุก็จะเลือกบริโภคอาหารอ่อนๆ อย่าง ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำซุป แทน ทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ รวมถึงได้อาจได้รับสารอาหารบางประเภทเกินความต้องการที่ร่างกายจะนำไปใช้ เช่น อาหารประเภทแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต แป้งส่วนเกินจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลแทน ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ ตามมา ตั้งแต่โรคขาดสารอาหาร โรคอ้วน นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยพบว่า การได้บดเคี้ยวอาหารมีส่วนช่วยทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อมได้ ผู้สูงอายุที่สูญเสียฟัน จึงมีความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมมากกว่าคนทั่วไปด้วย

นอกจากปัญหาด้านสุขภาพกายแล้ว ปัญหาด้านสุขภาพใจก็น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน เพราะผู้สูงอายุจะขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม การใช้ชีวิตประจำวัน ไม่กล้าพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือครอบครัวอย่างที่เคยเป็น เนื่องจากรู้สึกอายที่จะพูดหรือยิ้ม ผู้สูงอายุหลายคนจึงเลือกที่จะใช้เวลากับตัวเองและอยู่บ้านเพียงลำพัง จนอาจส่งผลให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตตามมาในภายหลัง

รศ.ดร.ทพ.ชูชัย กล่าวถึงความเชื่อการใส่ฟันเทียมน่าอายว่า  การไม่มีฟันต่างหากเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ทางออกที่ดีที่สุดคือ การทำชุดฟันเทียม แต่การทำชุดฟันเทียมแต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ขั้นต่ำคือหลักพันบาท ไม่รวมค่าเดินทางมาพบหมอ ค่าตรวจ ค่าเอ็กซเรย์ต่างๆ ยิ่งโรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกยิ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะไปทำกับโรงพยาบาลของรัฐแทน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า แต่ก็ต้องยอมแลกกับคิวที่ยาว ส่งผลให้มีจำนวนผู้สูงอายุรอคิวทำชุดฟันเทียมอีกหลายแสนราย

ทั้งนี้ โรงพยาบาลร่วมมือ เฮลีออน ในประเทศไทย (Haleon) จัดแคมเปญ “เพราะรอยยิ้มไม่ควรต้องรอ ความสุขก็เช่นกัน” (Smiles Can’t Wait) เพื่อเปิดรับบริจาคทุนเพื่อจัดทำฟันเทียมให้กับผู้สูงอายุที่ขาดโอกาสจริง โดยเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากประชาชน สามารถช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ขาดโอกาสและค่าใช้จ่ายในการทำฟันเทียมได้เป็นอย่างดี

สนใจร่วมสมทบทุนช่วยเหลือฟันเทียมผู้สูงอายุขาดโอกาสได้ที่