ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

มหิดล ร่วมกับ สสส. เผยผลวิจัย "ฤาษีดัดตน" การบริหารร่างกายช่วยยืดเหยียด ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจลดลง รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ลดความเครียด   

โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คืออีกหนึ่งอาการที่คนทำงานยุคนี้มักต้องพบเจอ โดยเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมนั่งติดเก้าอี้หรือโต๊ะทำงานติดต่อกันนานหลายชั่วโมง โดยไม่ได้ลุกไปเคลื่อนไหว หรือปรับเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างวัน จนเกิดเป็นอาการปวดเมื่อยที่เข้ามารบกวนใจอยู่เป็นประจำ

สสส. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้นำศาสตร์ที่เป็นภูมิปัญญาโบราณของประเทศไทยอย่าง ‘ฤาษีดัดตน’ หรือ Thai-Yoga มารื้อฟื้นขึ้นใหม่ด้วยกระบวนการวิจัยในห้องปฏิบัติการ Brain-Computer Interface Laboratory หรือ BCI LAB ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษาผลของการบริหารร่างกายแบบ ‘ฤาษีดัดตน’ ต่อการทำงานของสมองและระดับความเครียด ซึ่งในงานวิจัย พบว่า การใช้ศาสตร์ฤาษีดัดตนมาช่วยยืดเหยียด มีผลทำให้อัตราการเต้นของหัวใจลดลง และยังมีผลต่อการยืดหยุ่นของหลอดเลือด

นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณบริเวณสมองส่วนหน้า ซึ่งทำหน้าที่เรื่องความคิดและความจำ โดยทำให้คลื่นสมองอัลฟ่า (Alpha) ซึ่งสัมพันธ์กับอารมณ์ที่ดีและสงบเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายขึ้น อีกทั้งยังช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ที่มักจะมีอาการปวดจากออฟฟิศซินโดรม ซึ่งทั้ง 5 ท่าที่สามารถนำมาปรับใช้เพื่อจัดการกับความเครียดและออฟฟิศซินโดรม ได้แก่

1.ท่าแก้ลมปะกัง

2.ท่าแก้ลมเวียนศรีษะ

3.ท่าแก้เกียจ

4.ท่าแก้เวียนศรีษะ

5.ท่าแก้วิงเวียน
 
ที่ผ่านมาทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล กับ สสส. ได้จัดกิจกรรมเพื่อนำผลการวิจัยนี้เผยแพร่สู่สาธารณะ และรณรงค์ รวมถึงกระตุ้นให้ประชาชนนำศาสตร์นี้ไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น โดยหนึ่งในนั้นคือการจัดงาน “Good Health, Great Thought สร้างสุขภาพกาย ผ่อนคลายสุขภาพจิตด้วย Thai Yoga”ขึ้น ณ ศาลาภิรมย์ภักดี สวนลุมพินี กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา 

ภายในงานได้ ‘แก้ว’ ณัฐรุจา ชุติวรรณโสภณ ศิลปินชื่อดัง และอดีตสมาชิกวง BNK48 มาร่วมแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และยกตัวอย่างกิจกรรมที่ทำเพื่อให้ร่างกายไม่หยุดนิ่ง เช่น การเล่นเทนนิส แบดมินตันกับเพื่อนๆ หรือแม้แต่กิจกรรมทั่วไปอย่างการเดินดูงานแสดงศิลปะและการเล่นดนตรี พร้อมปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตที่พาทุกคนให้ได้ขยับร่างกายไปด้วยกัน เพื่อสื่อให้เห็นว่าการยืดเหยียดร่างกายไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงวิธีการใดวิธีการหนึ่งเท่านั้น

จะเห็นได้ว่า การขยับร่างกายไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ยาก หรือมีขั้นตอนที่ซับซ้อน หากมีกิจกรรมที่ช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างกระฉับกระเฉง และเหมาะกับตัวเอง ก็อย่ารอช้าที่จะลองทำ เพราะทุกการขยับจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี และลดภาวะความเครียด ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่สุขภาพที่ดีได้

ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและวิธีการปฏิบัติทั้ง 5 ท่าได้ผ่านทางลิ้งก์นี้ : https://shorturl.at/frt47