ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

หมอประดิษฐ์เผยรัฐบาลเตรียมดัน รพ.เอกชนเป็นเมดิฮับ แต่ยังไม่ระบุว่าเป็นเลิศด้านใด ขณะที่นายกสมาคม รพ.เอกชนหนุนรัฐบาลเต็มที่ ชี้เป็นหลักการแข่งขันเมื่อเปิดประเทศ

ที่สำนักงานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการเพทย์ หรือ เมดิคัลฮับ ว่า เรื่องนี้รัฐบาลจะไม่ใช้ รพ.ของรัฐในการขับเคลื่อน ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับการดูแลสุขภาพของคนไทย แต่จะไปผลักดัน รพ.เอกชนแทน อะไรที่เป็นปัญหาเป็นอุปสรรคต้องได้รับการแก้ไข ส่วนจะประกาศได้ว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ด้านใดนั้น รัฐจะเป็นผู้กำหนดให้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา เช่น ประเทศเกาหลีใต้ได้ประกาศความเป็นศูนย์กลางด้านการเสริมความงาม ประเทศสิงค์โปร์ก็ได้ประกาศตัวเองว่าจะเป็นศูนย์กลางด้านการรักษาโรครักษายาก เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงความพยายามของสมาคมรพ.เอกชนในการเสนอข้อแก้ไขกฏหมายหลายๆฉบับเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการทำงานของรพ.เอกชนนั้น จะดำเนินการต่อไปอย่างไร นพ.ประดิษฐกล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าเป็นกฏหมายอะไร เท่าที่ตอนนี้ คือเรื่องของการเวลาพำนักของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามารักษาพยาบาลจากเดิม 302 วัน เป็น 90 วัน

ด้าน นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมรพ.เอกชน กล่าวว่า ที่ผ่านมา รพ.เอกชนก็ดำเนินการเรื่องความเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์อยู่แล้ว ทำกันเองจนมาตรฐานทางการแพทย์ของประเทศไทยมีชื่อเสียงมาก เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดีหากรัฐบาลจะเข้ามาส่งเสริมอย่างจริงจัง ซึ่งโดยตรรกะก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะเมื่อเปิดประเทศเข้าสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนแล้ว หากประเทศไทยยังไม่พร้อมจะก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ ในหลายประเทศได้เตรียมความพร้อมไปไกลมากแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่ได้ดำเนินการ ยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างกฏหมายหลายๆตัวก็ต้องปรับปรุง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อรัฐบาลมีแนวโน้มเรื่องการผลักดัน รพ.เอกชนเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์แล้ว จะมีการเข้าพบเพื่อหารือกับรัฐมนตรีใหม่ถึงการแก้ไขกฏหมายที่ก่อนหน้านี้พยายามผลักดันอยู่หรือไม่ นพ.เฉลิมกล่าวว่า  จริงๆแล้วเรามีการหารือกันผ่านสมาคม รพ.เอกชนอยู่เสมอ อีกทั้งที่ผ่านมาเคยนำเรียนให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทราบถึงข้อเสนอแนะแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่านายกฯ จะมีความเห็นอย่างไร หากเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ทำ หรือหากไม่ทำก็หยุดแค่นั้น

ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2555