ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

เอฟทีเอ วอตช์ จี้กรมเจรจาฯ นำร่างกรอบเอฟทีเอ ไทย-อียู ไปปรับปรุงก่อนส่งเข้าสภา

กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ วอตช์) และเครือข่ายภาคประชาชน เสนอให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศปรับปรุงกรอบเนื้อหาการเจรจาการค้าเสรีระหว่างไทย-สหภาพยุโรป(อียู) ก่อนจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา

ทั้งนี้ เอฟทีเอ วอตช์ เห็นว่ากรอบการเจรจาที่ผ่านคณะรัฐมนตรีและเพิ่งนำมาเปิดเผยรายละเอียดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

เนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประชาชนมีการระบุเพียงกว้างๆ ขณะที่เนื้อหาที่ภาคธุรกิจกลับเขียนอย่างรัดกุม จึงขอให้ปรับปรุงใน 4 ประเด็น คือ การผูกขาดข้อมูลยา ความมั่นคงด้านอาหาร การนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ราคาถูกและกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชนที่ไทยเสียเปรียบ

นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เปิดเผยว่า รายละเอียดที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ระบุว่า การผูกขาดข้อมูลทางยาจะขัดขวางการบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตรของรัฐเพื่อสาธารณประโยชน์(ซีแอล) มิให้เกิดผลในทางปฏิบัติได้ เว้นแต่จะได้บัญญัติให้เป็นข้อยกเว้นในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ เนื่องจากการประกาศซีแอลเป็นการยกเว้นสิทธิตามสิทธิบัตรในระบบสิทธิบัตร แต่การผูกขาดข้อมูลทางยาเป็นมาตรการขัดขวางการขึ้นทะเบียนยาของผู้ผลิตรายอื่นที่ผลิตยาตามการประกาศซีแอลซึ่งเป็นข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.ยา ดังนั้นหากไทยเจรจาเอฟทีเอกับอียูจะถูกผูกมัดด้วยบทบัญญัติ ทั้งการขยายอายุการคุ้มครองสิทธิบัตรและการผูกขาดการขึ้นทะเบียนยา

ขณะเดียวกัน จะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะการบริหารจัดการยาและเวชภัณฑ์ภาครัฐอย่างรุนแรง และกระทบกับความมั่นคงทางยาของประเทศในที่สุด

นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า การเจรจาเอฟทีเอครั้งนี้เป็นไปเพื่อการต่อสิทธิพิเศษทางการค้า (จีเอสพี) เท่านั้น โดยเอาประโยชน์ของทั้งประเทศเข้าแลก

นางจิราพร ลิ้มปานานนท์ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกล่าวว่า เมื่อกรมเจรจาฯยอมเปิดรับฟังและเผยแพร่ร่างกรอบเจรจาฯ แล้ว จะต้องนำไปทบทวน โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องไม่เกินไปกว่าความตกลงทริปส์

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 22 มกราคม 2556