ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รัฐสภาผ่านกรอบเอฟทีไทย-อียู 'ฝ่ายค้าน' หวั่นไทยถูกบีบรับสิทธิบัตรยา ด้านณัฐวุฒิยันรัฐบาลไม่ยอมเสียเปรียบแน่

ที่ประชุมรัฐสภามีมติเสียงข้างมาก 446 ต่อ 2 เสียง เห็นชอบ ร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) ตามที่คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ

ทั้งนี้ สส.พรรคประชาธิปัตย์ และ สว.จำนวนมาก ได้อภิปรายตั้งข้อสังเกตและแสดงความห่วงใยว่า สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรปจะพยายามหาทางต่ออายุสิทธิบัตรยาออกไปเพิ่มเติม ซึ่งจะมีผลให้คนไทยต้องบริโภคยาแพงเกินไป

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประเมินได้ว่าการเจรจาระหว่างอียูกับไทยหลายครั้งในอนาคต ทางอียูจะแสดงท่าทีที่ต้องการขอขยายอายุสิทธิบัตรยาออกไปให้นานขึ้น ซึ่งประเด็นนี้มีความละเอียดอ่อนและเป็นหัวใจของกรอบการเจรจาของทั้งสองฝ่าย ดังนั้น ทีมเจรจาของไทยและรัฐบาลจะต้องแสดงจุดยืนที่เข้มแข็งออกไปว่าจะไม่ยอมให้มีการต่ออายุสิทธิบัตรยาในทุกกรณี เพราะถ้ายอมให้ต่ออายุสิทธิบัตรยาออกไปอีกจะส่งผลให้คนไทยบริโภคยาแพงขึ้น

"ที่ผ่านมาผู้ผลิตยามักอ้างว่าการขึ้นทะเบียนตำรับยาในไทยผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเป็นอย่างล่าช้า ทำให้มีข้ออ้างว่าจะขอใช้เวลาที่ล่าช้าในส่วนนี้เพื่อขอขยายอายุสิทธิบัตรยาออกไปอีก จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและทีมเจรจาต้องมีจุดยืนให้หนักแน่นว่าจะปฏิเสธการต่ออายุสิทธิบัตรยาของอียูในทุกทาง" นายอรรถวิชช์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามูลค่าการค้าระหว่างไทยกับอียูที่มากถึงประมาณ 1 แสนล้านบาท เป็นสิ่งที่ไทยต้องให้ความสำคัญ แต่ส่วนตัวคิดว่าการเข้าถึงยาเพื่อรักษาสุขภาพของประชาชนคนไทยก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การจะให้เปิดเผยท่าทีการเจรจาในตอนนี้เลยเห็นว่าจะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและผิดธรรมเนียม แต่ยืนยันว่ารัฐบาลและทีมเจรจาของไทยให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขในฐานะแม่งานและกระทรวงพาณิชย์ในฐานะผู้เจรจาได้ทำงานร่วมกันมาตลอดและได้รับฟังข้อห่วงใยของภาคประชาชนเต็มที่เพื่อไม่ให้ไทยเสียประโยชน์ ซึ่งการเจรจาการค้าเสรีกับอียูคิดว่าต้องมีการเจรจาร่วมกันอีก 7-8 ครั้งรวมแล้วต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปี

ที่มา: http://www.posttoday.com