ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ 3 กองทุนสุขภาพกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถรักษาได้ทุกที่โดยมี สปสช. เป็นผู้ชำระบัญชีซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2555 นั้น พบว่า มีปัญหากรณี รพ.เอกชนเรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยถึง 25% จากผู้ที่เข้ารับบริการทั้งหมด ถือว่าค่อนข้างเยอะ ซึ่งทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชนก็ไม่สามารถบังคับได้ ตรงนี้มีความพยายามจะเจรจากับผู้ที่เกี่ยวข้อง และจำเป็นต้องรายงานให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทราบในวันที่ 26 เม.ย.นี้

นพ.วินัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้มีความพยายามปรับเปลี่ยนระบบการตัดสินอาการที่เข้าข่ายฉุกเฉินใหม่ โดยให้โรงพยาบาลส่งข้อมูลเป็นคะแนนอาการบาดเจ็บ ซึ่งอยู่ระหว่างการทดลองทำในโรงพยาบาล 15 แห่ง ระยะเวลา 1-2 เดือน อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวเชื่อว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด ดังนั้นอาจจะเสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ให้ระบุคำว่า ในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินถึงแก่ชีวิตโรงพยาบาลจะต้องให้การรักษาและมาเก็บเงินจาก สปสช.แต่การแก้ไขทำได้ไม่ง่าย

"เรื่องการเรียกเก็บเงิน ถ้ามองโลกในแง่ดีมันทำให้เราได้เห็นช่องโหว่ เห็นปัญหา ต้องเข้าใจว่าของใหม่ก็ต้องมีปัญหาบ้าง" นพ.วินัยกล่าว ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่านโยบายนี้ล้มเหลวหรือไม่ นพ.วินัยกล่าวว่า หากจะมองว่าผู้ป่วย 25% ที่ถูกเก็บเงินล้มเหลวในมุมกลับกันตนอาจมองว่าประสบความสำเร็จถึง 75% ดังนั้นแล้วแต่จะมอง

--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 23 เม.ย. 2556 (กรอบบ่าย)--