ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกวันนี้สะท้อนนิสัยอย่างหนึ่งของคนไทยคือ "ได้ใหม่ลืมเก่า" หลายเรื่องเป็นกระแสขึ้นมา แต่อยู่ๆ ก็เงียบหายไปเฉยๆล่าสุดกรณี "สารเมทิลโบรไมด์" ที่มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคตรวจพบในข้าวถุงบางยี่ห้อ ตอนนี้ไม่รู้ไปถึงไหน ทั้งที่สังคมควรจะต้องเฝ้าติดตาม ไม่ควรปล่อยให้เงียบหาย นั่นหมายถึงชีวิตของคนไทยที่กินข้าวทุกคนจนถึงวันนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้มีการพิสูจน์ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ว่าสารดังกล่าวมีผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายผู้บริโภคหรือไม่อย่างไรอย่าลืมว่าข้าวถุงในเมืองไทยไม่ใช่มีแค่ 70 ยี่ห้อที่วางขายในห้างที่ถูกนำไปตรวจสอบเท่านั้นขณะที่สมาคมข้าวถุงมีสมาชิก 128 ราย มี 800 ยี่ห้อ กระทรวงสาธารณสุขบอกว่าทั่วประเทศมีผู้ประกอบการข้าวถุงเกือบ 500 ราย นั่นแปลว่าข้าวถุงอีกนับร้อยๆ รายวางขายในร้านของชำ ขายในต่างจังหวัด ยังไม่มีการตรวจสอบหากเห็นว่าชีวิตคนกินข้าวมีความสำคัญเรื่องนี้ต้องไม่เงียบหาย ต้องมีการพิสูจน์ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ที่โปร่งใสเชื่อถือได้ คนกินข้าวจะได้โล่งใจ ผู้ประกอบการดีๆก็จะโล่งอกน่าเสียดาย ที่เรื่องนี้ถูกทำให้เป็นเรื่องการเมือง โดยน้ำมือฝ่ายค้านที่ผสมโรงทุกเรื่อง และฝ่ายรัฐบาลที่หวาดระแวง มองแค่ว่าเป็นพวกล้มรัฐบาล ไม่รักชาติ ทำลายอนาคตการส่งออกข้าวไทย โดยไม่คิดถึงคนกินข้าวรวมถึงบรรดากองเชลียร์ทั้งสองฝ่าย บิดเบือนข้อมูล เอาความเท็จมาทำลายความจริง อย่างกรณีข่าวที่บอกว่าสหรัฐห้ามข้าวไทยเข้าประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องเท็จ หรือกรณีหนูตาย นกตายบนกองข้าว แล้วเอามาเผยแพร่บนโซเชี่ยลมีเดีย โดยไม่มีการตรวจสอบ ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จทุกฝ่ายควรจะช่วยกันหาข้อเท็จจริง หาคำตอบให้กับผู้บริโภคว่าสารเมทิลโบรไมด์คืออะไร จะมีผลต่อร่างกายผู้บริโภคอย่างไร "ซาวน้ำ" แล้วจะละลายหายไปหรือไม่ขอย้ำว่าทุกอย่างจะกระจ่างได้ต้องพิสูจน์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้นนอกจากนี้ คนสงสัยกันมากเป็นเพราะสต๊อกข้าวมหาศาล จึงจำเป็นต้องใช้สารนี้เพิ่มขึ้นและนำเข้ามาก อยากจะฝากให้รัฐบาลช่วยตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ไม่ใช่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่รัฐบาลต้องดูแลคนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ไม่ใช่สองมาตรฐาน ไม่ใช่ปกป้องเฉพาะเอกชน ปกป้องการส่งออกข้าวเท่านั้นแต่ต้องคุ้มครองชีวิตของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน

ที่มา: http://www.matichon.co.th/khaosod

เรื่องที่เกี่ยวข้อง