ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แนวหน้า - วัคซีน3โรคขาดแคลนหัด-คางทูม-หัดเยอรมัสำหรับเด็ก9-12เดือน  สธ.แจ้งสสจ.เลื่อนฉีดหลัง15ธ.ค.พร้อมแน่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม เว็บไซต์ www.hfocus.org เว็บไซต์ข่าวด้านระบบสุขภาพรายงานว่า ปัจจุบันวัคซีนโรคหัด หัดเยอรมันและคางทูมในประเทศไทยกำลังขาดแคลน ทำให้เด็กวัย 9 เดือน-6 ปี เสี่ยงต่อการติดเชื้อเสียชีวิต หากไม่ได้รับวัคซีน

เว็บไซต์ดังกล่าวเผยแพร่จดหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่ลงนามโดย นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช.เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ส่งถึงผู้อำนวยการสปสช.สาขาเขตทั่วประเทศ เพื่อแจ้งว่า วัคซีนพื้นฐาน 3 โรคดังกล่าวกำลังขาดแคลน เนื้อหาในจดหมายดังกล่าวระบุว่า สปสช.ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) บริหารจัดการวัคซีนตามแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตามมติคณะกรรมการ สปสช.ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553ถึงปัจจุบัน แต่เนื่องจากความต้องการวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม ชนิด Single dose สำหรับเด็ก 9 เดือนเพิ่มขึ้นมากทั้งระดับประเทศและนานาชาติ ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลน อภ.ไม่สามารถจัดหาวัคซีนได้ตามแผนที่ สปสช.แจ้งให้จัดซื้อ ประกอบกับอัตราการใช้วัคซีนของหน่วยบริการทั่วประเทศเพิ่มขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม

ดังนั้น สปสช.ขอแจ้งสถานการณ์วัคซีนรวมป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม สำหรับเด็ก 9เดือน ขาดชั่วคราวระหว่างวันที่ 15กันยายน-15 ธันวาคม โดยอภ.จะจ่ายวัคซีนให้หน่วยบริการที่มีรอบรับวัคซีนระหว่างวันที่ 5-10กันยายนเป็นรอบสุดท้ายก่อนระงับการจ่ายวัคซีนดังกล่าวและจะเริ่มจ่ายวัคซีนอีกครั้งในวันที่ 5-10ธันวาคม

ทั้งนี้ สำนักงานโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แนะนำให้หน่วยบริการพิจารณาเลื่อนนัดเด็ก 9เดือน ที่ครบกำหนดฉีดวัคซีนในช่วงที่วัคซีนขาดชั่วคราวออกไป โดยให้เริ่มนัดอีกครั้งหลังวันที่ 15ธันวาคม ซึ่งการเลื่อนนัดฉีดวัคซีนดังกล่าว เด็กจะได้รับวัคซีนในช่วงอายุไม่เกิน 12 เดือน ซึ่งยังอยู่ในช่วงที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ

ขณะที่นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา รองปลัด สธ.ขณะนั้น ได้ออกจดหมายลงวันที่ 30 สิงหาคม แจ้งให้นายแพทย์สาธารณสุข (สสจ.)ทุกจังหวัด เลื่อนการให้วัคซีนรวม 3 โรค ในเด็กอายุ 9-12 เดือน โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญเช่นเดียวกับหนังสือข้างต้น

ด้านนพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช. ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์วัคซีนรวมป้องกัน 3 โรค (MRR) ที่กำลังขาดแคลนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกขณะนี้ว่า วัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนพื้นฐานที่ต้องให้ทารกช่วงอายุ 9 เดือน และฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่อขึ้นชั้น ป. 1 เนื่องจากเป็นวัคซีนพื้นฐาน จึงจองคิวรอซื้อนาน ไทยใช้เวลาจองกว่า 1 ปี และแหล่งผลิตมีจำกัด ซึ่งไทยนำเข้าจากอินเดีย ล่าสุดบริษัทแจ้งว่า ขาดแคลนวัคซีนที่จะนำส่งให้ประเทศไทยชั่วคราว

นพ.ประทีปกล่าวต่อว่า แต่ละปีมีความต้องการวัคซีนป้องกัน 3 โรคทั้งหมด 700,000 โด๊ส แต่เมื่อเกิดขาดแคลนชั่วคราว คณะอนุกรรมการวัคซีน ในคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ จึงตัดสินใจสั่งวัคซีนจากบริษัทใหม่ ซึ่งสามารถนำเข้ามาได้กลางเดือนพฤศจิกายน ทำให้ต้องแก้ปัญหาระหว่างรอวัคซีนรอบใหม่ โดยเลื่อนการให้วัคซีนแก่ทารกอายุครบ 9 เดือนในเดือนกันยายนออกไป ยืนยันวัคซีนยังมีประสิทธิภาพในช่วงอายุการได้รับที่ 9-12 เดือน จึงไม่เกิดผลกระทบ

ด้านนพ.จรุง เมืองชนะ ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน)กล่าวว่า กรณีวัคซีนขาดแคลนครั้งนี้ ถือเป็นกรณีศึกษาที่ดีว่าไทยควรสนับสนุนให้ผลิตวัคซีนใช้เอง โดยวัคซีนรวมดังกล่าว ก่อนหน้านี้ไทยใช้วัคซีนจำเพาะตามสายพันธุ์ ที่เหมาะสมกับคนไทย แต่เมื่อขาดแคลน จำต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยเลือกใช้วัคซีนในสายพันธุ์ที่ไม่จำเพาะ และเนื่องจากวัคซีน 3 โรคนี้เป็นวัคซีนพื้นฐาน มีผู้ผลิตไม่กี่รายในโลก ทำให้สินค้ามีจำนวนจำกัด เป็นไปได้ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วได้ทำสัญญาซื้อล่วงหน้านานถึง 2-3 ปี เมื่อถึงเวลาบริษัทผู้ผลิตวัคซีนจึงต้องส่งมอบให้ตามสัญญา แต่สำหรับไทย มีข้อจำกัดเรื่องระเบียบราชการ ทำให้ซื้อได้เพียงปีต่อปี

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  วันที่ 3 ตุลาคม 2556

เรื่องที่เกี่ยวข้อง