ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายสาธารณสุข ทั้งคณบดีคณะแพทย์ 8 สถาบัน นายกพทยสภา ประชาคมสธ. ฯลฯ จดหมายเปิดผนึก ฉ. 2 จี้ ยิ่งลักษณ์และครม.รักษาการลาออก ชี้นับแต่รัฐบาลผลักดันพรบ.นิรโทษกรรม จนเกิดต่อต้านอย่างรุนแรง ถุกกล่าวหาทุจริตจำนำข้าว คนมาเลือกตั้ง 14 ล้านคนสะท้อนความไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาล

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข อาทิ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล, โรงพยาบาลรามาธิบดี, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, มหาวิทยาลัยบูรพา, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยนเรศวร, นายกแพทยสภา, นายกทันตแพทยสภา, นายกสภาการพยาบาล, นายกสภาเภสัชกรรม, นายกสภาเทคนิคการแพทย์, นายกสภากายภาพบำบัด, นายกสัตวแพทยสภา, ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด, ชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป, สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป, ชมรมผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน ฯลฯ ออกจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ลงวันที่ 10 ก.พ. 57 ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีรักษาการ

เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก ระบุว่า หลังจากรัฐบาลได้ผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นต้นมา ได้เกิดความวุ่นวายจากการบริหารงานของรัฐบาลอย่างรุนแรงจากประเด็นต่างๆ ได้แก่

1. นโยบายรับจำนำข้าว มีการทุจริตอย่างกว้างขวางทุกขั้นตอน รวมถึงทำให้รัฐขาดทุนมากมาย สร้างหนี้ให้ประชาชนมหาศาล โดยที่รัฐบาลไม่สามารถนำเงินจำนำข้าวมาจ่ายให้กับชาวนาได้ จนนำมาสู่การตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

2. ผลการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 มีผู้เจตนาเลือกผู้แทนและพรรคการเมืองเพียง 14 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 34 ของผู้มีสิทธิ์เท่านั้น บ่งบอกถึงเจตนารมณ์ของประชาชนที่ไม่ไว้วางใจการเลือกตั้งผู้แทนในกติกาปัจจุบัน แต่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลกลับเดินหน้าจัดการเลือกตั้งต่อไป

3. กระแสการเรียกร้องของประชาชนในการปฏิรูปประเทศ แม้นายกรัฐมนตรีจะแสดงเจตนาในการตั้งสภาปฏิรูป แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับจากทุกภาคส่วน จนไม่สามารถดำเนินการได้ สะท้อนชัดว่ารัฐบาลไม่ได้รับการยอมรับ และไว้วางใจจากประชาชนในการปฏิรูปประเทศ เนื่องจากรัฐบาลเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต้องปฏิรูปประเทศ ทั้งปัญหาการแทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติ การไม่ยอมรับอำนาจตุลาการ และการทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้ประชาชนต้องการคนกลาง เพื่อนำการปฏิรูปอย่างจริงจัง

ด้วยเหตุผลทั้ง 3 ข้อ แสดงให้เห็นว่า หากนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีรักษาการยังคงบริหารประเทศต่อไป จะไม่สามารถแก้ปัญหาเพื่อสร้างความสงบให้เกิดขึ้นได้ จึงขอแสดงความเห็นเพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีรักษาการลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้นายกฯ คนกลาง ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายเข้ามาดำเนินการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น การเลือกตั้ง การช่วยเหลือชาวนา และนำประเทศไปสู่การปฏิรูป ซึ่งจะทำให้ประเทศกลับสู่ความสงบทั้งนี้ สอดคล้องกับความเห็นของนักกฎหมาย และนักวิชาการทั้งภาครัฐและเอกชนว่า เป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ภายใต้รัฐธรรมนูญปัจจุบัน และเครือข่ายหวังว่า นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีรักษาการทุกท่านจะตัดสินใจภายใต้ข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวเดินต่อไป และเป็นที่ยอมรับต่อสังคมโลก

ทั้งนี้ การออกจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว เป็นฉบับที่ 2 หลังจากออกจดหมายฉบับแรก เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 57 สนับสนุนให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง และจะไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57