ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.สั่งทุกจังหวัด เฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกทุกสายพันธุ์ ตลอดฤดูหนาว เน้นหนักในพื้นที่ที่เคยพบคนหรือสัตว์ปีกติดเชื้อ และจังหวัดแนวชายแดน ย้ำเตือนประชาชนห้ามนำเป็ดไก่รวมทั้งนกที่กำลังป่วยหรือตายแล้วมาชำแหละเป็นอาหารอย่างเด็ดขาด หากมีอาการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกหรืออยู่ในพื้นที่สัตว์ปีกป่วยตาย ให้รีบพบแพทย์หรือโทรปรึกษาสายด่วน 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง

จากกรณีที่มีรายงานพบไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช5 เอ็น 8 (H5N8) ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งที่ประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2557 มีการทำลายไก่ 150,000 ตัว และห้ามขนย้ายสัตว์ปีก รวมทั้งไข่ และมูลสัตว์ปีก เป็นเวลา 72 ชั่วโมงนั้นความคืบหน้าในเรื่องนี้

18 พ.ย.57 นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานการพบเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช 5 เอ็น 8 โดยไทยพบเพียง 1สายพันธุ์คือเอช 5 เอ็น1(H5N1) ซึ่งมักทำให้ผู้ป่วยมีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดบวม ระบบหายใจล้มเหลว และในช่วงนี้หลายพื้นที่อากาศหนาวเย็นและเริ่มมีนกอพยพหนีสภาพอากาศหนาวจากต่างประเทศมาอยู่ที่ประเทศไทย อาจนำเชื้อมาแพร่ได้ แม้ว่าไทยจะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกตั้งแต่พ.ศ.2549 เป็นต้นมาก็ตาม แต่ไทยยังมีความเสี่ยงต่อการระบาดได้ โดยเฉพาะสายพันธุ์ เอช 5เอ็น1 ที่ยังพบผู้ป่วยในปี2557ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง จุดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือตามแนวชายแดน ซึ่งมีการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีก

นพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า ได้มอบให้กรมควบคุมโรคและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เฝ้าระวังโรคทั้งในคนและในสัตว์ร่วมกับกระทรวงเกษตรฯและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เน้นหนักจังหวัดที่เคยพบสัตว์ปีกหรือคนติดเชื้อไข้หวัดนก และจังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไทย-ลาว และไทย – พม่า โดยให้ดำเนินการเฝ้าระวังทั้งในชุมชน และในโรงพยาบาล เพื่อให้สามารถตรวจจับโรคได้อย่างรวดเร็ว หากพบผู้ป่วยที่มีอาการในข่ายสงสัยให้สอบสวนโรค ซักประวัติการสัมผัสสัตว์ปีกทุกราย และเก็บตัวอย่างส่งตรวจ ส่วนในสัตว์ปีกให้ อสม.ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชเฝ้าระวังการป่วย ตายผิดปกติในสัตว์ปีกที่เลี้ยงตามบ้านเรือนและธรรมชาติ หากพบให้เก็บซากสัตว์ปีกส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการทันทีและแจ้งหน่วยงานสาธารณสุข

นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้รายงานผลการเฝ้าระวังขององค์การอนามัยโลกซึ่งพบว่า จนถึงปัจจุบันมีเชื้อไข้หวัดนกที่สามารถแพร่เชื้อมายังคนได้ 7 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์เอช เอช 5 เอ็น 1 (H5N1) เอช 5 เอ็น 2 (H5N2) เอช 10 เอ็น 8 ( H10 N 8) เอช 7 เอ็น 5(H7N5) เอช7 เอ็น7 (H7N7 ) เอช 7 เอ็น 9 (H7N9) และเอช5 เอ็น 8 โดยสายพันธุ์ที่รุนแรงที่สุดคือสายพันธุ์เอช5 เอ็น 1 ซึ่งยังพบในประเทศต่างๆ ทั่วโลกทั้งในคนและสัตว์อย่างต่อเนื่อง ยอดผู้ป่วยยืนยัน ตั้งแต่ปี 2546-2557 มีทั้งหมด 668 ราย เสียชีวิต 393 ราย ใน16 ประเทศ เฉพาะในปี 2557 มีรายงานป่วย 19 ราย เสียชีวิต 8 ราย ใน 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน อียิปต์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขต้องขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ให้ยึดหลักปฏิบัติในการป้องกันโรคไข้หวัดนก ห้ามนำสัตว์ปีกที่ตายแล้วหรือกำลังมีอาการป่วยมาชำแหละเพื่อจำหน่ายหรือรับประทาน หรือนำไปให้สัตว์อื่นกินอย่างเด็ดขาด เนื่องจากหากสัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนก ผู้ชำแหละจะติดเชื้อจากการสัมผัสสารคัดหลั่งได้ หากพบสัตว์ปีกเสียชีวิตผิดปกติขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หากจำเป็นต้องสัมผัสสัตว์ปีกให้สวมถุงมือหรือถุงพลาสติกและล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งหลังจากสัมผัสสัตว์ปีก หากมีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่เช่นมีไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเคยสัมผัสสัตว์ปีกหรือผู้ป่วยปอดบวม ให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการสัมผัสโรค หรือแจ้งประวัติการเดินทาง หรือโทรปรึกษาสายด่วนของกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง