ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เดินหน้ามาตรการป้องกันและลดผลกระทบจากโรงไฟฟ้าชีวมวล หนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการดูแลสุขภาวะชุมชน หลังพบเอกชนเลี่ยงประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพสธ.ตั้งทีมลงพื้นที่ตรวจสอบ ขณะที่กรมโยธาธิการและผังเมือง วางแนวควบคุมพื้นที่ก่อสร้างอย่างเข้มงวด

25 ธ.ค.57 ในเวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 7 ได้มีการประชุมเพื่อขับเคลื่อนมติเกี่ยวกับ"การป้องกันและลดผลกระทบด้านสุขภาพจากโรงไฟฟ้าชีวมวล"โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอความคืบหน้าอาทิ กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมมลพิษ กรมโยธาธิการและผังเมือง และเครือข่ายพลังงานภาคประชาชน

นายศุภกิจ นันทะวรการ มูลนิธินโยบายสุขภาวะกล่าวว่า ในประเทศไทยมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลเพื่อเป็นพลังงานทางเลือกทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือและอีสาน ซึ่งพบว่าหลายโครงการสร้างผลกระทบต่อสุขภาวะของคนในชุมชน เนื่องจากยังมีช่องว่างของกฏหมาย ที่ระบุว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็ก ที่มีกำลังผลิตต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ ไม่ต้องผ่านการทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ทำให้เกิดการหลบเลี่ยงก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลหลายโครงการในพื้นที่เดียวกัน จนมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองอยู่ในขณะนี้ แนวทางการแก้ปัญหาจะต้องรับฟังความเห็นของประชาชนในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อพิจารณาถึงผลกระทบ 

"ภาครัฐควรให้ความสำคัญต่อแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน และควรมีแผนยุทธศาสตร์โรงไฟฟ้าชีวมวลระดับจังหวัด ทางด้านกรมโยธาธิการและผังเมืองต้องมีแนวทางที่ ชัดเจนว่าพื้นที่ตรงไหนเหมาะสมต่อการตั้งโรงไฟฟ้า มีการกำหนดประเภทโรงไฟฟ้า มีระบบบำบัดน้ำเสียที่ดี และไม่ควรใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขณะที่สธ.เองก็ควรประกาศว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลอาจเป็นอันตรายกับสุขภาพ สร้างเครื่องมือที่ติดตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที"

ด้าน นางวิจิตรา ชูสกุล ตัวแทนจากเครือข่ายพลังงานจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในบางจังหวัดมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลอยู่แล้ว 5 แห่ง และเตรียมจะจัดสร้างเพิ่มอีก โดยยืนยันว่าโรงงานไฟฟ้าชีวมวลที่ดำเนินการอยู่แล้ว มีปัญหาเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมทั้งหมด ที่สำคัญคือเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวลกำลังผลิตขนาด 9 เมกะวัตต์ ถึง 4 แห่งในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งหากสร้างโรงไฟฟ้าเสร็จทั้ง 10 แห่ง เชื้อเพลิงชีวมวลจะมีไม่เพียงพออย่างแน่นอน จึงเสนอให้ยุติการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ไปก่อนจนกว่าจะได้ข้อสรุปจากการศึกษาผลกระทบ

.ส.นัฐยา ดาราวรรณ ผู้แทนจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กล่าวว่า ขณะนี้สธ.มีการตั้งทีมนักวิชาการลงพื้นที่ทำการศึกษาเพื่อเปรียบเทียบผลกระทบด้านสุขภาพ ระหว่างโรงไฟฟ้าชีวมวลที่มีกำลังผลิตต่ำกว่าและสูงกว่า 10 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปชัดเจนในปี 2559

นายพันศักดิ์ กิรมงคล นักวิชาการสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า มีการกำหนดมาตรฐาน การระบายมลพิษของโรงไฟฟ้าชีวมวลไว้ แต่การติดตามเฝ้าระวังที่ดี ควรมาจากการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนด้วย ซึ่งทางกรมฯจัดทำคู่มือการเฝ้าระวังอย่างง่ายให้ประชาชนได้ศึกษา เช่นการดูจากฝุ่นละออง และน้ำที่มีสีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อแก้ปัญหาการนำเครื่องมือไปตรวจวัดไม่ทันเวลา เพราะปัญหาที่ชัดเจนมักเกิดในช่วงสั้นๆเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบหลักฐานอาจหมดไปแล้ว ทั้งที่ประชาชนเดือดร้อน

ขณะที่ ผศ.ดร.พงศ์เทพ สุธีรวุฒิ คณะกรรมการติดตามการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ(คมส.)เปิดเผยว่า มติ "การป้องกันและลดผลกระทบด้านสุขภาพจากโรงไฟฟ้าชีวมวล" มีความคืบหน้าไปพอสมควร เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง เริ่มมีกฏเกณฑ์ควบคุมพื้นที่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ด้านกรมควบคุมมลพิษ ก็มีความตั้งใจที่จะดูแลผลกระทบต่อชุมชน ซึ่งเวทีหารือจะช่วยกระตุ้นให้ทุกหน่วยงานหันมาเห็นความสำคัญของปัญหามากขึ้น ขณะที่ภาคประชาชนก็มีความพร้อมที่จะร่วมแก้ปัญหา แต่ควรเร่งรัดแก้ไขข้อจำกัดของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งหลังจากนี้ จะเชิญภาคเอกชนเข้ามาร่วมด้วย โดยนำคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่เป็นตัวตั้ง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง