ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สสจ.เพชรบูรณ์ แจง กรณี 31 รพ.สต.หล่มสักขึ้นป้ายดำ เหตุสื่อสารไม่เข้าใจ หลังยุบรวมคลังยา รพ.หล่มสัก จากเดิมแยกคลังยาเฉพาะ รพ.สต.เพื่อให้ถูกต้องตามระเบียบ พร้อมง่ายต่อการบริหารและช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย รพ.หล่มสัก หลังเป็นหนี้ติดลบ 120 ล้านบาท พร้อมตั้งคณะทำงานเภสัชกรรมร่วมบริหารยาและเวชภัณฑ์ร่วมกัน ยืนยัน รพ.สต.ยาไม่ขาด ไม่กระทบผู้ป่วยแน่นอน ด้าน “ผู้ตรวจ สธ.” กำชับ สสจ.เร่งแก้ปัญหา วางมาตรฐานระยะยาวเพื่อป้องกันปัญหาต่อไป

นพ.พิเชษฐ์ บัญญัติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าแก้ไขปัญหาการเบิกจ่ายยาของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในอำเภอหล่มสัก ว่า ขณะนี้เรื่องนี้ไม่มีปัญหาเพราะได้มีการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นมาจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจ ภายหลังจากที่ได้มีการปรับระบบคลังยาของ รพ.หล่มสัก ทำให้ รพ.สต.เกิดความกังวลว่าจะไม่มียาให้กับผู้ป่วย ประกอบกับในช่วงของการปรับเปลี่ยนระบบคลังยาที่ยังไม่สมบูรณ์และการส่งต่อข้อมูลที่ขาดความต่อเนื่อง ทำให้มียา 3-4 รายการขาดไปและจัดซื้อไม่ครบถ้วน หรือน้อยเกินไป ส่วนใหญ่เป็นยากลุ่มโรคเบาหวานความดัน จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น แต่ทั้งนี้ได้มีการจัดส่งไปยัง รพ.สต.ในพื้นที่แล้ว ยืนยันว่าไม่กระทบต่อผู้ป่วยแน่นอน

นพ.พิเชษฐ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องมีการปรับปรุงระบบคลังยาของ รพ.หล่มสัก ซึ่งที่ผ่านมาจะแยกคลังยาออกเป็น 2 ส่วน คือ คลังยา รพ.สต.และคลังยา รพ. เป็นลักษณะต่างกันต่างทำ เมื่อดูตามระเบียบปฏิบัติราชการแล้ว พบว่าไม่ถูกต้อง ทั้งยังส่งผลต่อการบริหารระบบเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะที่ต้องบริหารร่วมทั้งอำเภอ เพราะยารายการเดียวกัน แต่กลับมีการจัดซื้อคนละบริษัทและราคาแตกต่างกัน และยังมีความยุ่งยากในการตรวจสอบ ดังนั้นในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ จึงได้มีการยุบคลังยาและรวบบริหารร่วมกัน ซึ่งอาจติดปัญหาบ้างในช่วงแรก        

ทั้งนี้หลังเกิดปัญหาการจัดส่งยาในส่วนของ รพ.สต. เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา จึงได้มีการประชุมร่วมกันของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งสาธารณสุขอำเภอ รพ.หล่มสัก และ รพ.สต.ในพื้นที่ โดยในวันนั้นทาง รพ.สต.ขอให้มีการจัดซื้อยาที่ยังขาด ไม่เพียงพอ และที่ได้รับไม่ครบทันที แต่ทาง สสอ.ไม่ได้ให้คำตอบว่าจะสามารถเร่งดำเนินการได้หรือไม่ จึงเกิดความคลุมเครือและห่วงผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ป่วย และเกรงว่า รพ.สต.จะถูกตัดยา ซึ่งเมื่อ ผอ.รพ.หล่มสักรับทราบได้สั่งให้รีบแก้ปัญหา และเตรียมจัดส่งยาที่ยังขาดให้กับ รพ.สต.ในวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ รพ.สต.ตัดสินใจขึ้นป้ายพอดี ทำให้ รพ.หล่มสักถูกมองว่า เป็นเพราะ รพ.สต.ขึ้นป้ายจึงมียา ทั้งที่ข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างกระบวนการแก้ปัญหาอยู่แล้ว โดยในวันรุ่งขึ้น (16 ต.ค. ) ตนเองได้ลงพื้นที่ยัง รพ.สต.เพื่อสุ่มตรวจ พบว่า รพ.สต.ส่วนใหญ่ต่างได้รับยาแล้ว

“ช่วงการปรับเปลี่ยนระบบคลังยา มียา 4 รายการ ที่ขาดจริง ซึ่ง รพ.สต.ไม่ได้รับยาเต็มจำนวนที่เบิก และต้องเขียนใบสั่งยาที่ รพ.ทำให้เพิ่มภาระงานและความยุ่งยาก โดยหลังจากนั้นได้นัดพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องอีกครั้ง ทั้ง ผอ.รพ.ทีมเภสัชกรของ รพ. ทีม สสอ. และ ผอ.รพ.สต. รวมถึงหมอเวชศาสตร์ครอบครัว เพื่อร่วมกันหาทางออก ซึ่งได้ข้อสรุปที่ชัดเจน คือ 1.ยาในระบบจะต้องไม่ขาด ชาวบ้านต้องไม่ได้รับความเดือดร้อน 2.ได้รับการจ่ายยาเต็มจำนวนที่เบิก โดยยาที่ขาดแคลนบางรายการให้มีการสั่งสต๊อกเลยไม่ต้องประมาณการเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และ 3.รพ.สต.ต้องเขียนใบเบิกยาให้ครบถ้วนสมบูรณ์ และต้องประเมินยาที่คงเหลือเพื่อให้คลังยาสามารถเตรียมจัดซื้อเพื่อให้พอเพียงต่อการเบิกจ่าย” นพ.สสจ.เพชรบูรณ์ กล่าว

นพ.พิเชษฐ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้ตั้งคณะทำงานเภสัชกรรมเพื่อบริหารยาและเวชภัณฑ์ร่วมกันเพื่อให้เกิดความเหมาะสม โดยยึดหลักการสำคัญคือต้องไม่ลดศักยภาพการดูแลผู้ป่วย แต่ขณะเดียวกันต้องเป็นระบบคลังยาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะขณะนี้ รพ.หล่มสัก มีผลดำเนินการติดลบถึง 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องมีการควบคุมค่าใช้จ่าย รพ.ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายด้านยา  

ต่อข้อซักถามว่า ขณะนี้ รพ.สต.ได้เรียกร้องให้ รพ.หล่มสัก กลับไปใช้ระบบคลังยาแบบเดิมนั้น นพ.พิเชษฐ์ กล่าวว่า คงเป็นไปไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดปัญหา แม้ว่าระบบเดิมจะมีความสะดวกในการเบิกจ่ายยามากกว่า แต่หากมองภาพรวมที่ รพ.ติดลบถึง 120 ล้านบาท คงคำนึงแต่เฉพาะความสะดวกในการเบิกจ่ายคงไม่ได้ คงต้องมีการปรับตัว และสิ่งที่ รพ.ทำการปรับระบบคลังยาก็เป็นระบบที่ รพ.ทั่วไปใช้กัน อย่างไรก็ตามจะติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำขึ้นอีก  

ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์วรจิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 2 กล่าวว่า ขณะนี้ในเรื่องของยาที่ส่งไปยัง รพ.สต.ใน อ.หล่มสักเรียบร้อยดีแล้ว พร้อมได้สั่งกำชับไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ทั้งนี้ในการบริหารระหว่าง รพ.หล่มสัก และ รพ.สต.ในพื้นที่มีรูปแบบเป็นเ CUP โดยมี รพ.สต.มากถึง 31 แห่ง ดูแลประชากรประมาณ 1.5 แสนคน โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้มีการตั้งผู้อำนวยการคนใหม่เข้าบริหาร รพ.หล่มสัก เพราะด้วยปัญหาสถานะทางการเงิน รพ.มีหนี้สูงอยู่ในระดับ 7 จึงต้องมีการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ และมีการจัดระบบใหม่ที่การเบิกจ่ายต้องมีข้อมูล ซึ่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกันจาการปรับเปลี่ยนระบบนี้ จนทำให้เกิดปัญหาขึ้น 

ส่วนที่มีการเรียกร้องจาก รพ.สต.ใน อ.หล่มสัก ที่ขอให้นำระบบการจัดส่งแบบเดิมกลับมาใช้นั้น นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการบริหารภายใน รพ. ซึ่งระบบเก่าหรือระบบใหม่ดีหรือไม่นั้น คงต้องมาพุดคุยร่วกันเพื่อหาอะไรที่เหมาะสม ต้องยอมรับว่า รพ.หล่มสักขณะนี้มีวิกฤตการเงินอยู่ในระดับ 7 สำหรับ รพ.เล็กๆ ถือว่าเป็นหนี้ที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นในระดับจังหวัดอาจต้องเข้าไปมีส่วนในการบริหารจัดการด้วย

“เรื่องนี้ผมได้มอบนโยบายแล้ว ซึ่งทาง สสจ.เพชรบูรณ์ จะเป็นผู้แก้ไขปัญหา เพราะเป็นปัญหาภายในจังหวัด เบื้องต้นได้แก้ไขปัญหาแล้วโดยจัดส่งยาไปยัง รพ.สต. ก่อนเพื่อดูแลประชาชนก่อน ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะกลางและระยะยาวโดยหาทางออกร่วมกันที่เหมาะสมนั้น ได้ให้ตั้งคณะกรรมการระดับอำเภอเพื่อหาทางร่วมกัน” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง