ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข พัฒนาสมรรถนะด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด มีคุณภาพตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ บุคลากรด้านการสื่อสาร ภาษาอังกฤษ ภาษาเมียนมาร์ ตรวจจับโรคได้รวดเร็ว 

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2558 นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมด่านควบคุมโรคอำเภอแม่สอด จ.ตาก ว่า กระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 31 จังหวัดได้แก่ เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งมีชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยจำนวนมาก อาทิ ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี ระนอง เชียงราย อุบลราชธานี สุรินทร์ ตราด สระแก้ว เป็นต้น โดยมีความร่วมมือกันในการควบคุมป้องกันโรคและปัญหาด้านสุขภาพด้านอื่นๆ อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปีนี้ที่เป็นปีแห่งประชาคมอาเซียน    

สำหรับชายแดนด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ในปี 2558 มีผู้เดินทางผ่านด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ 1,284,770 ราย เฉลี่ยเดือนละ 107,064 ราย ได้พัฒนาสมรรถนะด่านควบคุมโรครองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด 3 ด้าน ดังนี้ 1.คุณภาพตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ทั้งการประสานงาน การสื่อสารข้อมูลข่าวสาร มาตรการต่างๆ พัฒนาช่องทางเข้าออกประเทศ ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ และการแก้ไขเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ 2.พัฒนาบุคลากรด้านการสื่อสาร ภาษาอังกฤษ ภาษาเมียนม่าร์

3.พัฒนาการตรวจจับ โดยใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายอัตโนมัติ (Thermoscan) 4.พัฒนาศูนย์ปฏิบัติการและระบบการสื่อสารในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ทั้งนี้ เพื่อขจัดหรือป้องกันการแพร่ระบาดของโรค รวมทั้งภัยคุกคามทางสาธารณสุขระหว่างประเทศตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR 2005) ผลการดำเนินงานในปี 2558 ได้การสุ่มตรวจเฝ้าระวังโรคในผู้เดินทาง 6,339 คน คัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากเขตติดโรคไข้เหลือง 34 คน จากการดำเนินงานเฝ้าระวัง คัดกรองโรคไม่พบผู้ป่วยที่เป็นโรคที่ต้องรายงานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขและตามประกาศ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองแห่งชาติ 

ทั้งนี้ ประเทศไทย-เมียนมาร์ มีความร่วมมือด้านสาธารณสุขตั้งแต่ พ.ศ. 2543  โดยกระทรวงสาธารณสุขไทย-เมียนมาร์ ได้ผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเพื่อพัฒนาความร่วมมือในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น ล่าสุดปี 2558 นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 2 ประเทศ ทำแผนปฏิบัติการร่วม พ.ศ.2559-2561 ร่วมมือกันดำเนินการ 7 เรื่องได้แก่ การเฝ้าระวังโรค การควบคุมมาตรฐานอาหารและยา การแพทย์พื้นบ้าน การควบคุมผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องสำอาง การควบคุมโรคติดต่อและโรคติดต่ออุบัติใหม่ โรคระบาดข้ามแดน และการพัฒนาระบบบริการสุขภาพสำหรับแรงงานต่างชาติ เน้นแลกเปลี่ยนข้อมูลและพัฒนาบุคลากรร่วมกันใน  4 จังหวัดคู่แฝด ได้แก่ เชียงรายกับท่าขี้เหล็ก ตากกับเมียวดี กาญจนบุรีกับทวาย ระนองกับเกาะสอง 

ผลความร่วมมือทำให้ผู้ป่วยโรคมาลาเรียชาวเมียนมาร์ลดลงถึงร้อยละ 50 ผู้ป่วยวัณโรคเข้าถึงการรักษาเพิ่มมากขึ้น รักษาหายขาดสูงถึงร้อยละ 80 ผู้ป่วยเอชไอวีได้กินยาต้านไวรัสต่อเนื่องคุณภาพชีวิตดีขึ้น