ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แพทยสภา สบส. สคบ.เตือนแพทย์และสถานพยาบาลระมัดระวังในการโฆษณาการประกอบวิชาชีพเวชกรรมต่อประชาชนทางโซเชียลมีเดีย อย่าโฆษณาเกินความจริง หรือใช้ข้อมูลเท็จ หลอกลวง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2559 ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา นายกแพทยสภา ทพ.อาคม ประดิษฐ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ นพ.อิทธพร คณะเจริญ กรรมการคุ้มครองผู้บริโภค แถลงข่าวเตือนแพทย์ระมัดระวังการโฆษณาการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทางโซเชียลมีเดีย

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันกระแสของการโฆษณาทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับศัลยกรรมเพื่อความงาม นับวันจะทวีมากขึ้น ผู้รับอนุญาต ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลและแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลนั้น ต้องระมัดระวังในการที่ผู้อื่นมาเผยแพร่เรื่องการรักษาพยาบาลของตนหรือการดำเนินการในสถานพยาบาลของตน ในโชเชียลมีเดีย เป็นไปในทำนองความสามารถ ความเชี่ยวชาญเกินกว่าความเป็นจริง เพราะข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2549 ที่บังคับใช้กับแพทย์ หมวด 7 การปฏิบัติตนเกี่ยวกับสถานพยาบาล ข้อ 36 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่เป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาลต้องไม่โฆษณาสถานพยาบาล หรือยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณาสถานพยาบาลที่ตนเป็นผู้ดำเนินการในลักษณะดังต่อไปนี้

1) โฆษณาสถานพยาบาลในทำนองโอ้อวดของสถานพยาบาลนั้น หรือ กิจกรรมอื่นของสถานพยาบาลเกินกว่าที่เป็นจริง ส่วนแพทย์ที่ไม่ใช่ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ต้องระมัดระวังในการที่ผู้อื่นมาเผยแพร่เรื่องการรักษาพยาบาลของตนหรือการดำเนินการในสถานพยาบาลของตนโดยเฉพาะการลงรูปถ่ายต่างๆ ในโชเชียลมีเดีย

เป็นไปในทำนองเข้าข่ายโอ้อวดความสามารถ ความเชี่ยวชาญเกินกว่าความเป็นจริง เพราะข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2549 จะอาจผิดข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2549 ใน หมวด 3 การโฆษณาการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ข้อ 8 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องไม่โฆษณา ใช้ จ้าง หรือยินยอมให้ผู้อื่นโฆษณาการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของตน ซึ่งมีบทลงโทษทางจริยธรรมตั้งแต่ตักเตือน พักใช้ และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้

และพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ได้มีบทในการอนุญาตให้และห้ามโฆษณาภายใต้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องเรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการโฆษณาสถานพยาบาล

ทพ อาคม กล่าวว่า ในกรณีของสถานพยาบาลมีกฎหมายของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งเป็นกฎหมายในชั้นของพระราชบัญญัติ ทางกรมฯเป็นผู้ดูแลและให้อนุญาตสถานพยาบาลและคลินิกต่างๆในการโฆษณาซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรฐานโดยมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2546) เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการโฆษณาสถานพยาบาล หากสถานพยาบาลซึ่งรวมทั้งโรงพยาบาลและคลินิกเอกชนไม่ปฏิบัติตามก็จะมีโทษโดยต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาทและให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000บาท นับแต่วันที่ฝ่าฝืน ทั้งนี้ จนกว่าจะระงับการโฆษณาดังกล่าว

ส่วนกรณีการห้ามโฆษณาที่สำคัญนั้น เช่น การใช้ข้อความอันเป็นเท็จ หรือข้อความที่ไม่มีมูลความจริงทั้งหมด ซึ่งทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ไม่สามารถกระทำได้ รวมทั้งการโฆษณากิจการสถานพยาบาลหรือการโฆษณาความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญในการรักษาพยาบาลคุณภาพ หรือประสิทธิผล ของผู้ประกอบวิชาชีพหรือสรรพคุณของเครื่องมือเครื่องใช้ของสถานพยาบาลหรือกรรมวิธีการรักษา หรือโรคที่ให้การรักษาหรือเปรียบเทียบผลก่อนและหลังการรักษาไปในทำนองให้เข้าใจผิด โดยไม่ถูกต้องตามหลักการที่เป็นมาตรฐานวิชาชีพหรือทำให้ประชาชนเกิดความคาดหวังในสรรพคุณเกินความจริง

ด้าน นพ.อิทธพร คณะเจริญ ในฐานะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีนโยบายคุ้มครองประชาชนทางด้านความงามแบบครบวงจรโดยจะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อรับเรื่องร้องเรียนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนโดยอาศัยผู้ซึ่งดูแลกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอันประกอบด้วย สภาวิชาชีพด้านสุขภาพ เช่น แพทยสภา ทันตแพทยสภา สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ที่ดูแลคลินิกต่างๆ ตำรวจ บกปคบ. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยทำงานร่วมกันเพื่อมาดูแลประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเข้ารับบริการสามารถโทรแจ้งได้ที่ สคบ. 1166 ตลอด 24 ชั่วโมง