ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.สุดทนแจ้งความ “หมอประชุมพร-เพจสมาพันธ์แพทย์” ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เผยแพร่ข้อมูลเท็จ กรณีโบนัส และตัดแต่งตราสัญลักษณ์ขององค์กร เพื่อต้องการสร้างการลบหลู่ดูหมิ่น ชี้จะวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงอย่างไรก็ได้ไม่มีปัญหา หากอยู่บนฐานข้อมูลที่เป็นจริง

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา มีการกล่าวหา สปสช.ด้วยข้อมูลที่ไม่ถูกต้องจำนวนหนึ่ง และ สปสช.ได้ชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องหลายครั้ง แต่ก็ยังมีกลุ่มคนจำนวนน้อยตั้งใจเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จเกี่ยวกับ สปสช.ซ้ำๆ เพื่อบ่อนทำลายระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้ร้ายบิดเบือน สร้างกระแสให้แพทย์ พยาบาล ผู้ให้บริการในระบบสาธารณสุข เกลียดชัง สปสช.

ด้วยเหตุนี้ สปสช.จึงได้มอบอำนาจให้ นายพรหมมินทร์ หอมหวล ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เพื่อดำเนินคดีกับผู้ดูแลเว็บไซต์ http://www.thaihospital.org  และเจ้าของเพจ Facebook/สมาพันธ์แพทย์ รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป (https://www.facebook.com/สมาพันธ์แพทย์-รพศูนย์รพทั่วไป-658454437577863) ที่นำบทความ “โรงพยาบาลล้วนอัตคัตยากแค้นแสนสาหัส แต่ สปสช.จะจ่ายโบนัส โดยเอาเงินที่เหลือเข้าสู่หมวดเงินอุดหนุนประชาชนชาวไทยถูกแย่งเงินทุนค่ารักษาพยาบาลอย่างเลือดเย็น” ของ พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นเท็จลงเผยแพร่ และได้กระทำการเปลี่ยนแปลงตราสัญญาลักษณ์ของ สปสช. เป็นรูปปรสิต เผยแพร่ประกอบบทความดังกล่าว เป็นการใส่ความทำให้ สปสช.เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง 

โฆษก สปสช. กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันขณะนี้อยู่ระหว่างการมอบอำนาจให้ทนายความ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญาฐานหมิ่นประมาทต่อ พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ที่เขียนบทความ “โรงพยาบาลล้วนอัตคัตยากแค้นแสนสาหัส แต่ สปสช.จะจ่ายโบนัส โดยเอาเงินที่เหลือเข้าสู่หมวดเงินอุดหนุน ประชาชนชาวไทยถูกแย่งเงินทุนค่ารักษาพยาบาลอย่างเลือดเย็น”

ทั้งนี้ขอชี้แจงว่า การนำเงินที่เหลือจากงบที่ส่งไปยังโรงพยาบาลเข้าสู่หมวดเงินอุดหนุนที่อยู่ในงบบริหารสำนักงาน ตามระเบียบไม่สามารถทำได้ ซึ่ง สปสช.มีงบประมาณแยกเป็น 2 ส่วนชัดเจน คือ งบบริหารสำนักงาน และงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเงินเดือนเจ้าหน้าที่ สปสช.ก็เหมือนเงินเดือนเจ้าหน้าที่องค์กรของรัฐทั่วไปที่อยู่ในงบบริหาร มิได้อยู่ในงบกองทุนฯ

อีกทั้งงบบริหารสำนักงาน สปสช.แต่ละปียังต้องผ่านการคำนวณการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์และความเห็นชอบ ครม.ก่อน เข้าสู่การบริหารงบประมาณโดยรัฐบาลเหมือนงบประมาณกระทรวงอื่น โดยสัดส่วนงบบริหารสำนักงานต่องบกองทุนฯ อยู่ที่เพียง 0.88% ของงบกองทุนฯ เท่านั้น ซึ่งงบบริหารเป็นงบที่ใช้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์การทำงาน สปสช.เพื่อพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า ทั้ง 2 กรณี สปสช.จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะบทความดังกล่าว มิใช่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม แต่ผู้เขียนและผู้เผยแพร่มีเจตนาสร้างกระแส ให้แพทย์ พยาบาล และผู้ให้บริการเข้าใจผิดและเกลียดชัง สปสช. ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า สปสช.หักเงินค่าบริการทางการแพทย์ โดยใช้คำว่าค่าหัวคิวสำหรับประชาชนไว้เพื่อจ่ายโบนัสให้เจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ สปสช.ขอยืนยันว่า ยินดีรับฟังทุกข้อท้วงติง และข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน การใช้คำวิพากษ์วิจารณ์จะรุนแรงอย่างไรก็ไม่มีปัญหา หากยืนอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ใช่การให้ร้าย ด้วยการให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง การบิดเบือน รวมถึงการตัดแต่งตราสัญลักษณ์ขององค์กร เพื่อต้องการสร้างการลบหลู่ดูหมิ่น ในบรรยากาศที่กระทรวงสาธารณสุขและ สปสช. ได้ร่วมมือกันขจัดความขัดแย้งและร่วมมือกันทำงานตามนโยบายรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของประชาชนอยู่ในขณะนี้